นอนตัวแข็งทื่อ ลองเอาหูแนบดูคิดว่าสิ้นใจจนเตรียมฝัง พอเอามือลูบดูกลับฟื้นคืนชีพอีกครั้ง

เพราะชีวิตนั้นเลือกเกิดมาไม่ได้ทำให้หลายๆชีวิตนั้นต้องเกิดมาดิ้นรนกับชะตากรรมที่ต้องพบเจอ ซึ่งในบางรายเช่นสัตว์ตัวน้อยๆก็ต้องเกิดมาไร้บ้านอันอบอุ่นยิ่งถ้าเป็นในต่างประเทศแล้วโอกาสที่จะรอดนั้นยากมาก ด้วยสภาพอาการที่หนาวถึง 5 องศา เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Namfon Classic ได้โพสตบอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวน้อยตัวนี้หลังจากที่เธอนั้นได้ไปพบน้องเข้าเมื่อ 3 วันก่อนซึ่งน้องได้นอนตัวแข็งกลางอากาศหนาวเย็นถึง 5 องศา ในประเทศเกาหลีใต้ เธอจึงได้เอาหูแนบฟังเสียงชีพจรของน้องๆก็ไม่มีวี่แวว เธอจึงได้คิดว่าน้องคงจะสิ้นลมไปแล้วแน่ๆ นอนแน่นิ่งตัวแข็งเย็นเจี๊ยบอ้าปากค้างแบบนี้ เธอจึงเอานิดปากน้องและเตรียมที่จะเอาไปฝังดิน ด้วยความสงสารนั้นเองเธอก็ค่อยๆลูบๆน้องส่วนแฟนของเธอก็พยายามที่ขุดหลุมดินเพื่อทีจะเตรียมฝัง พร้อมกับบ่นว่าน่าสงสารมากๆเลยลูกเอ่ยน่าจะเจอกันเร็วกว่านี้ โดยเธอสังเกตุเหมือนขาของน้องดิ้นแฟนเราก็ว่ามือเรานั้นสั่นไปเอง เธอจึงได้รีบวิ่งเข้ามาในห้อง และรีบวิ่งเข้าไปเปิดฮีตเตอร์เพื่อให้พื้นอุ่นขึ้น และสักพักเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้ก็เกิดขึ้นเมื่อเด็กๆเริ่มทีจะหายใจ เธอดีใจมากๆที่น้องได้กลับมาหายใจปกติอีกครั้ง และก็ได้พยายามดูแลน้องอย่างใกล้ชิด โดยเรื่องราวดังกล่าวนั้นได้เกิดในขึ้นประเทศเกาหลีใต้และเธอจึงได้นำเรื่องราวมากบอกเล่าลงในกลุ่ม ทาสแมว...

มานั่งเฝ้ารอขอข้าวอยู่หน้าบ้านทุกวัน แต่กลับไม่ยอมกินเพราะจะให้เมียกับลูกได้กินอิ่มก่อนเสมอ

หากเราจะพูดถึงกับคำว่ารักสิ่งหนึ่งทื่เราจะรู้ได้เลยว่าคนไหนรักเราหรือไม่นั่นก็คือการแสดงออกมาเช่นความเสียสละแม้แต่สัตว์ตัวเล็กๆอย่างแมวเองก็ตาม เราก็มักจะเห็นพวกเค้ายอมเสียสละให้ลูกของตนได้กินอิ่มก่อนเสมอ แม้ตัวจะหิวแค่ไหนก็เฝ้ารออยู่ได้ไม่ห่าง เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Natnarin JA ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวเจ้าเหมียวครอบครัวนี้ โดยครอบครัวของเขานั้นจะมี พ่อกุด(ตัวที่นั่งเฝ้ารอดูตัวอื่นๆกิน) แม่พวงและน้องแพรว ซึ่งเจ้าเหมียวเหล่านี้จะเป็นแมวจรมาขออาหารกินอยู่เสมอ โดยจะมีพ่อกุดแมวหน้าอึนๆที่พูดน้อยหรือแทบจะไม่พูดอะไรเลย จะชอบมานั่งรอที่หน้าบ้านขอข้าวที่หน้าบ้านอยู่เป็นประจำ โดยหลังๆนั้นได้มีการพัฒนาพาลูกและเมียมากินข้าวด้วย และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นพ่อกุดจะให้เมียกับลูกน้อยกินก่อนเสมอและเมื่อเมียกับลูกอิ่มท้องเมื่อไหร่ก็ตาม พ่อกุดก็จะค่อยๆกินอาหารต่อที่เหลือจากเมียและลูก และนี่คือความน่ารักของพ่อสุภาพบุรุษของพ่อกุดเขาแหละ ซึ่งถือว่าทำหน้าที่ผู้เป็นพ่อและคนรักได้ดีมากๆ เพราะต่อเมื่อให้มีอาหารท้งหมด 3 จานก็ตามพ่อกุดก็จะไม่ยอมที่จะกินแต่อย่างใด จะเลือกที่จะนั่งรอให้เมียและลูกของตนนั้นได้กินอิ่มก่อนในทุกๆวันและเมื่อเหลืออาหารเท่าไหร่พ่อกุดก็จะกินแค่นั้นไม่เคยที่แม้แต่คิดจะร้องขอ เพราะด้วยเป็นแมวที่ไม่ค่อยส่งเสียงหรือเอะอะโวยวายอยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องราวของเจ้าเหมียวสุภาพบุรุษรายนี้ที่น่ารักมากๆเลยอยากให้น้องได้มีบ้านที่อบอุ่นขึ้นมาเลยแหละ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Natnarin JA

เป็นเด็กกำพร้าถูกเขานำมาปล่อย ต้องนอนหนาวสั่นอยู่ข้างถนน ตาก็หวิดบอดต้องอยู่ในความมืดไร้แม้แสงสว่าง

เพราะชีวิตต้องเกิดมาดิ้นรนและไม่เป็นที่ต้องการของชีวิต ทำให้หลายๆชีวิตต้องดิ้นรนต่อสู้กับสิ่งที่ตนนั้นต้องเผชิญแล้วยิ่งถ้าเกิดมาไม่เป็นที่ต้องการของใครๆทำให้ถูกเขานั้นเอามาปล่อยไว้เหมือนชีวิตนั้นไร้ค่า ต้องดิ้นรนต่อสู้กับทั้งความหนาวและความกลัว เช่นเดียวกับเจ้าเหมียวรายนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า แคท แคท ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวน้อยหลังจากที่เธอได้ช่วยเหลือน้องไว้ ซึ่งน้องเป็นแมวที่กำพร้า มีน้ำหนักเพียงแค่ 3.5 ขีด แถมยังป่วยเป็นหวัดและตาอักเสบรุนแรงโดยในตอนแรกเธอคิดว่าน้องน่าจะต้องตาบอดแน่ๆ เพราะต้องอยู่ในความมืดมิดมาหลายวันเพราะผู้เป็นเจ้าของเก่านั้นเอาน้องมาปล่อยไว้ ต้องทนทุกข์ทั้งความหนาวความหิวและความเจ็บปวด น้องกลัวมากจนผู้โพสต์นั้นช่วยหนูเอาไว้และนำมารักษาและในตอนนี้ก็เกือบที่จะหายดีแล้ว น้ำหนัก ขึ้นมาแล้ว 6 ขีด ตอนนี้น้องรอดแล้ว วันนี้จึงมาขอบคุณพี่ๆในกลุ่ม ชมรมคนรักแมวเหมียว ทุกคนที่ส่งกำลังใจมาช่วยเหลือน้อง ซึ่งทั้งนี้น้องมีชื่อว่า อบอุ่น และน้องก็ได้บ้านที่อบอุ่นจริงๆเพราะมีผู้เป็นเจ้าของอันเป็นที่รักและอยู่อย่างไม่ต้องหวาดกลัวใดๆไม่ต้องแม้จะมาทนทุกข์ กับความหนาวเหน็บที่อยู่ภายใน จึงอยากจะฝากเพื่อนๆทั้งหลายที่ได้พบเจอกับเจ้าเหมียวตัวน้อยๆ...

ลูกแมวตัวน้อยนั่งแอบอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ไร้ผู้เป็นแม่คอยดูแล กลัวทั้งรถกลัวทั้งคนหวังลึกๆจะมีบ้านสักครั้งในชีวิต

เพราะชีวิตที่ไม่มีใครต้องการท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปมามากมายแต่กลับไร้แม้แต่คนจะสนใจหรือไถ่ถามว่าอยู่ดีมีสุขไหม จะเป็นอย่างไรถ้าไร้แม่และต้องใช้ชีวิตอยู่ตัวลำพังในโลกภายนอกที่กว้างใหญ่และอันตราย ยิ่งเป็นสัตว์ตัวน้อยๆไร้แม้แต่เสียงที่จะไปร้องบอกใครเค้าได้ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Ning Ning Pornlaphat ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวนี้ลงในกลุ่ม หาบ้านให้น้องแมว พูดคุยเรื่องแมว หลังจากพี่สาวของเธอนั้นได้พบน้องอยู่ที่หลังป้ายรถเมล์และก็ดูเหมือนกับว่าน้องจะตื่นเสียง และสงสารน้องมากคงอดไม่ได้ที่จะเอากลับมาเพื่อที่จะช่วยเหลือก่อน พี่สาวเธอจึงกะว่าเอาน้องมาดูแลหนึ่งเดือนแล้วค่อยเอาไปแถวออฟฟิศที่ทำงาน เพราะน้องก็ยังคงเด็กมากจึงไม่อยากที่จะให้อยู่ตัวคนเดียว ซึ่งพี่สาวของเธอเองก็อยู่หอเขาก็ไม่ให้เลี้ยงสัตว์ และที่บ้านพ่อแม่เองก็เลี้ยงสุนัขอยู่แล้วถึง 4 ตัวจึงไม่สามารถที่จะรับน้องมาเลี้ยงได้ถาวร จึงอยากขอความเมตตาเพื่อที่จะหาบ้านให้กับน้อง โดยเธอนั้นได้ระบุพิกัดเอาไว้ที่ เดอะมอลล์บางแค กรุงเทพมหานคร และอยากขอคนที่พร้อมจะรักน้องจริงๆเท่านั้น ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์เพียงไม่นาน เธอก็ได้มาอัพเดทเพิ่มเติมว่าน้องได้บ้านแล้วเป็นที่เรียบร้อย โดยทั้งนี้ก็อยากจะฝากไปถึงเพื่อนๆเอาไว้ว่าถ้าพบเจอน้องแมวหรือสุนัขที่ต้องการความช่วยเหลือก็อยากจะให้เพื่อนๆถ่ายรูปมาและลงในโซเชียลเพราะถ้าหากเราปล่อยน้องเอาไว้แบบนั้นเราไม่รู้เลยว่าพวกเขานั้นจะมีชีวิตต่อไปกันได้อีกนานเท่าไหร่ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Ning Ning...

หัวอกแม่ยอมให้ลูกแมวกำพร้าดูดนม รักและดูแลเหมือนกับลูกแท้ๆ หลังแม่แมวคลอดลูกแต่ยังไม่ทันลืมตาก็มาสิ้นใจ

เพราะด้วยสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลกใบนี้ล้วนเกิดมามีหัวใจด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งไม่ว่าจะเป้นสัตว์ตัวเล็กหรือตัวใหญ่หรือมนุษย์อย่างเราก็ตามล้วนแต่มีความรู้สึกกันทั้งนั้น และด้วยสิ่งมีชีวิตที่ตัวเล็กกว่าเราอย่างเช่นสุนัขหรือแมวแล้วพวกเขาเองก็มีหัวใจที่เมตตาไม่ต่างจากเราเลย และผู้ใช้เฟสบุ๊คแฟนเพจที่ใช้ชื่อว่า ข่าวชาวบ้าน - Thai TV Social ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของแม่สุนัขตัวนี้ที่กำลังให้นมลูกแมวตัวน้อยจากเจ้าและเฝ้าดูแลลูกแมวน้อยเหมือนกับว่าเป็นลูกของตัวเอง โดยแฟนเพจดังกล่าวได้เล่าว่า แม่แมวนั้นได้คลอดลูกออกมา 3 ตัวแต่ไม่ถึง 3 วันผ่านมาลูกแมวตัวน้อยก็ยังไม่ทันจะได้ลืมตา แม่แมวก็มาสิ้นใจจากไป โดยถัดมาอีกหนึ่งอาทิตย์ สุนัขก็ได้คลอดลูกใต้ถุนบ้าน 1 ตัวเลยนำลูกแมวกำพร้าทั้ง 3 ตัวนั้นมาฝากให้แม่สุนัขช่วยเลี้ยง และได้พูดกับแม่สุนัขว่าสงสารแม่แมวเขาสิ้นใจไปแล้ว แบ่งน้ำนมให้ลูกแมวกินด้วยนะ ถ้าไม่แบ่งลูกแมวน้อยก็คงจะต้องสิ้นใจเหมือนกัน แม่สุนัขได้ยินเช่นนั้นก็เลยดูแลเจ้าเหมียวตัวน้อยโดยไม่เคยแม้แต่จะทำร้าย...

วันพระก็ไม่เว้นถูกนำมาปล่อย นั่งตากฝนกันสองพี่น้อง โหยหาความรักความเมตตาหวังมีที่ให้หลบฝนอยู่รอดปลอดภัย

ด้วยชีวิตที่เกิดมาไม่มีใครต้องการจึงต้องรหกระเหินเร่ร่อนเพราะต้นทุนชีวิตนั้นไม่เท่ากัน ยิ่งถ้าเกิดมาเป็นสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตตัวเล็กแล้วใครกันเล่าเค้าจะมาเห็นอกเห็นใจ อีกทั้งไม่ใช่สัตว์เลี้ยงที่เป็นพันธุ์น่ารักๆแล้วก็ต้องทุกข์ทนอยู่ตามมีตามเกิด เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า ซาย' น์. ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวน้อยสองตัวนี้หลังเธอนั้นได้ขี่รถไปเจอน้องเข้า นั่งตากฝนเนื้อตัวเปียกโซกอยู่ข้างถนน โดยน้องเป็นตัวเมียและคาดว่าน่าจะถูกนำมาปล่อยเอาไว้ ซึ่งเธอยังได้บอกอีกว่าวันนี้เป็นวันพระด้วยแต่ก็ไม่ได้กลัวบาปกรรมกันเลย และเธอก็ยังได้สอบถามมายังเพื่อนๆในกลุ่มอีกด้วยว่าที่ก้นน้องนั้นมีอะไรแดงๆไม่รู้ว่าเป็นอะไร โดยทั้งนี้เธอเองก็ได้นำน้องๆกลับมาบ้านเอาไว้ก่อนเพราะหากปล่อยเอาไว้คงจะไม่รอดแน่ๆ และในตอนแรกเธอก็กะว่าจะแค่เอาน้องกลับมาเพื่อเลี้ยงดูแลรักษาแค่ชั่วคราวเพียงเท่านั้น แต่ทำไปทำมาเธอก็กลับแพ้ให้กับความน่ารักของเด็กๆจนในที่สุดก็เลยเลือกที่จะรับเด็กๆทั้งหมดเอาไว้ดูแลเอง เราจึงอยากที่จะขอบคุณในความมีเมตตากับน้องๆที่เธอเลือกที่จะช่วยเหลือเด็กๆและรับเลี้ยงเอาไว้เองในที่สุด ขอขอบคุณข้อมูลจาก ซาย' น์.

สาวโพสต์เตือนภัยหลังเสียแมวสุดที่รัก เพราะอากาศร้อน ควรเช็คอาการเหล่านี้ก่อนที่จะเสียเขาไปตลอดกาล

หากเพื่อนๆที่ได้เลี้ยงสุนัขหรือแมวแล้วก็จะเข้าใจดีว่าเมื่อเราเลี้ยงพวกเขาสิ่งที่เราจะได้มานั้นก็คือความรักและความผูกพัน แต่ทว่าเมื่อมีพบก็จะต้องมีจากเป็นเรื่องธรรมดาเพราะสัตว์เหล่านี้จะมีอายุที่สั้นกว่ามนุษย์อย่างเราๆ เราจึงควรที่จะต้องทำใจถ้าวันนึงเขาจากไปอย่างกะทันหัน แต่ทว่าการจากไปในครั้งนี้ไม่ใช่การที่พวกเขาแก่ชราเพียงอย่างเดียว หลังจากที่ผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Sichittra K. Suwanwong ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวสุดที่รักหลังจากที่เจ้าเหมียวนั้นได้จากไปอย่างกะทันหันเพราะด้วยสภาพอากาศในบ้านเรา โดยเธอได้เล่าว่าเธอนั้นเพิ่งจะเสียแมวสุดที่รักไปจากอาการฮีทสโตรกจนส่งผลให้เกิดสภาวะโลหิตจางอย่างเฉียบพลัน บวกกับความชราจึงเป็นสาเหตุหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ 2 วันน้องยังมีอาการเป็นปกติดี แต่ทว่าก็มีสัญญาณเล็กๆบางอย่างที่เธอเองก็เพิ่งจะทราบมาจากคุณหมอ ว่านั่นเป็นอาการเตือนเกี่ยวกับโรคดังกล่าว ซึ่งมองผ่านๆอาจจะดูว่าปกติดีแต่ร้ายแรงกว่าที่คิดเอาไว้มาก ซึ่งในช่วงสัปดาห์นี้ประเทศเรานั้นมีอากาศที่ร้อนจัดมากกว่าปกติ จึงอยากจะเตือนให้เฝ้าระวังอาการดังต่อไปนี้ หากว่าพบว่าน้องแมวของเพื่อนๆมีอาการก็ควรจะรีบพาไปพบแพทย์ด้วยด่วน โดยอาการที่เธอได้กล่าวไว้ข้างต้นคือ 1.น้องชอบคาบลิ้นบ่อยๆครั้งละนานๆไม่หอบอาการเหมือนเลียตัวแล้วลืมเก็บลิ้นทั่วๆไปและถ้าหากมีอาการหอบร่วมด้วยถือว่าอันตรายมาก 2.นอนมากขึ้นทั้งวัน 3.กินน้อยลงจนถึงกับไม่กินเลยในที่สุด 4.เกรี้ยวกราดกว่าที่เคยหงุดหงิดแบบไม่มีสาเหตุ ซึ่งน้องแมวของเธอนั้นมีอาการมาราวๆ 4 วันก่อน...

แอบอาศัยในโขดหิน เดินเลาะชายหาดตามหาแม่ ส่งเสียงร้องขอความเมตตาด้วยใจหวังอยากจะมีบ้านสักครั้งในชีวิต

เพราะชีวิตนั้นเลือกเกิดไม่ได้จึงต้องดิ้นรนสู้ชีวิตเพราะเกิดมาไร้บ้านไร้ที่จะหลับนอน แม่ก็มาคลอดเอาไว้ในโขดหิน และออกไปหากินจึงปล่อยให้อยู่กันเพียงลำพัง อีกทั้งยังคงเล็กไม่รู้เรื่องรู้ราวก็เดินเร่ออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้คนที่เดินผ่านไปมา หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Areena Salaeree ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวน้อยสองตัวนี้หลังจากที่เธอนั้นได้พบน้องเข้าโดยบังเอิญ ซึ่งในตอนนั้นเธอกำลังไปออกกำลังกาย ณ ริมหาด จึงได้พบกับน้องเข้าเพราะน้องออกมาจากโขดหินที่บังคลื่น ซึ่งเธอก็พยายามที่จะตามหาผู้เป็นแม่ของเด็กๆแต่ก็ไร้วี่แว่ว โดยจากที่เธอนั้นจะไปออกกำลังกายกลับต้องรีบเอาลูกแมวกลับบ้านก่อน เพราะถ้าปล่อยเอาไว้ต่อน้องๆคงไม่รอดแน่ และหลังจากที่เธอนำน้องกลับมาบ้านแล้วเธอก็ได้ทำการป้อนนมแพะให้กับน้อง และคงจะต้องพาเจ้าเหมียวตัวน้อยๆไปหาคุณหมอเพื่อที่จะตรวจร่างกายในวันต่อไป ซึ่งทางตัวเธอเองนั้นได้รับเลี้ยงน้องเอาไว้เองเพราะด้วยความน่ารักของเด็กๆ ซึ่งถ้าใครเจอแบบนี้จริงๆก็คงจะอดใจไม่ไหวที่จะไม่เอากลับบ้านหรอกจริงไหมก็ดูสีหน้าของเจ้าเหมียวตัวน้อยดูสิ ทำไมหนูน่ารักอะไรขนาดนั้นลูกเอ่ยเป็นบุญของหนูแล้วที่พี่เขามาเจอและช่วยเอาไว้พอดี เพราะถึงแม้เนื้อตัวจะมอมแมมแต่ก็ยังคงน่ารักเอามากๆ ถ้าสะอาดสะอ้านจะน่ารักขนาดไหนเนี่ย ซึ่งทั้งนี้ก็อยากจะฝากเพื่อนๆเอาไว้ด้วยว่าหากพบเจอเจ้าเหมียวตัวน้อยๆแบบนี้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือแล้วละก็อยากให้เพื่อนๆรีบเอากลับบ้านให้เร็วที่สุดเพราะอาจจะมีคนแย่งไป ด้วยความน่ารักที่อดใจไม่ไหวยังไงละ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Areena Salaeree และชมคลิป https://www.facebook.com/showclip3/videos/662401301209131

สาวโทษตัวเองที่ทำให้แมวที่รักต้องจากไป แม้จะเลี้ยงระบบปิดแต่กลับต้องสิ้นใจเพราะความประมาทของตัวเอง

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Aricha Puang-ngern ได้เผยเรื่องราวอุทาหรณ์เกี่ยวกับแมวที่เธอนั้นได้เลี้ยงน้องเอาไว้ โดยเจ้าเหมียวตัวนี้มีชื่อว่าทองกวาว ทองกวาวเป็นแมวที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดีมาเป็นปีๆ ทองกวาวไม่เคยป่วยไม่เคยเป็นอะไรเลยจนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อเธอต้องออกไปทำธุระข้างนอกบ้านเพียง 2  ชั่วโมงทำให้น้องต้องจากไปแบบไม่มีวันกลับมา . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า อยากโพสต์เรื่องนี้ไว้เป็นอุทธาหรณ์ เตือนสติ และแนะนำทาสหลายๆคน "ทองกวาว" เป็นแมวที่เชื่องมากๆ เฉิ่ม เล่นกับทุกคนได้ ไม่ค่อยกลัวอะไร รวมทั้งหมา น้องไม่เคยขู่ ตบ หรือฟัดใคร น้องจิตใจดี...

คอยมองไม่คลาดสายตา คอยอยู่เคียงข้างเมื่อเธอเจ็บ แมวคลีนิคคอยเฝ้ามองดูลูกค้าไม่ห่างด้วยความเป็นห่วง

เพราะด้วยความห่วงใยนั้นไม่ได้มีเฉพาะกับคนอย่างเราๆเท่านั้น ทีหัวใจจะมีความเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกได้ เพราะแม้แต่สิ่งมีชีวิตอื่นๆเองเช่นสุนัขหรือแมวแล้วพวกเขาก็มีหัวใจที่เห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนร่วมโลกไม่แพ้กับมนุษย์เลยแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับเจ้าเหมียวรายนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวนี้ที่มีชื่อว่า พี่เหลือง ซึ่งเป็นแมวประจำคลีนิคแห่งหนึ่งที่ทางคุณหมอได้เลี้ยงเอาไว้ ซึ่งพี่เหลืองก็มักจะคอยสอดส่องดูแลช่วยเหลือสัตว์ที่เข้ามาใช้บริการที่คลีนิคอยู่เป็นประจำ เช่นเดียวกับเจ้าเหมียวรายนี้ที่คุณหมอนั้นมีเคสทำหมันสาวน้อยรายนี้ ซึ่งทางพี่เหลืองเองก็คอยสอดส่องดูแลอย่างใกล้ชิดว่าขาดเหลืออะไรบ้างหรือป่าว เพราะด้วยว่าน้องเป็นแมวตัวเมียซึ่งพี่เหลืองเองก็อาจจะถูกตาต้องใจกับน้องจึงได้มาเฝ้าดูอย่างไม่คลาดสายตาเลยทีเดียว แต่ก็คงจะได้แค่เฝ้ามองเพียงเท่านั้นเพราะตัวพี่เหลืองก็ถูกคุณหมอจับทำหมันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในความจริงแล้วพี่เหลืองก็ยังเฝ้าดูเพื่อนๆตัวอื่นๆที่มาใช้บริการอีกด้วย ไม่ใช่แค่เจ้าเหมียวตัวนี้ และเอาจริงๆพี่เหลือก็ถือเป็นตัวเรียกลูกค้าชั้นดีให้กับคุณหมอเลยแหละ เพราะพี่เหลืองทั้งน่ารักและดูสะอาดตามากๆแต่ในบางทีก็มีตัวเลอะบ้างเพราะพี่เหลืองชอบหนีแอบไปเที่ยวข้างนอกบ้าง ส่วนทางประวัติของพี่เหลืองนั้นก็คาดว่าน่าจะเป็นแมวจรและได้รับบาดเจ็บมาจนสุดท้ายทางคุณหมอก็ได้รับเข้ามาเลี้ยงและพร้อมรับมาเป็นพนักงานต้อนรับและยามประจำคลีนิคโดยปริยาย ทั้งนี้ก็แสดงให้เห็นว่าแมวนั้นก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ห่วงใยเพื่อนร่วมโลกอยู่เช่นเดียวกับ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Kitchanan Payomyong