หน้าแรก บล็อก หน้า 544

แม่หมาส่งยิ้มหวานให้แม่ค้าขายปลาย่าง ขอแบ่งปันอาหารเพื่อคาบเอาไปให้ลูกน้อยได้กิน

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Kanyarat Suwannathada‎ ได้เผยเรื่องราวสุดน่ารักของเจ้าตูบที่ตลาดนัดแห่งหนึ่ง น้องเป็นหมาจรที่ตลาดนัด เวลาสาวผู้โพสต์มาตั้งขายปลาย่างก็จะมีน้องนี่แหละเป็นลูกค้าคิวแรก แต่น้องมาในนามลูกค้าไถปลาดุกย่างตังก็ไม่เคยจ่ายแต่เธอก็เติมใจเอาให้นางกินทุกครั้งที่ได้เจอ . ทางสาวผู้โพสต์เองยังตั้งร้านยังไม่ทันเสร็จดีเลย น้องก็มานั่งรอคอยส่งยิ้มหวานๆให้ โอ้ยยย...เจอแบบนี้เข้าไปเป็นใครก็ต้องหลงรัก เธอจึงจัดปลาดุกย่างตัวโตๆให้หนึ่งตัว และแน่นอนน้องไม่ได้เอาปลาดุกย่างไปกินเองนะ นางคาบปลาดุกย่างเอาไปแบ่งปันให้ลูกๆของนางด้วย เพราะนางเป็นแม่หมาแม่ลูกอ่อน ลูกๆของนางอยู่ในวัยที่กำลังโต อะไรที่แม่พอจะหาของกินให้กับลูกได้นางก็จะทำทุกวิถีทาง แม่หมาเองมาขอปลาดุกย่างกับสาวผู้โพสต์อยู่บ่อยครั้ง และแม่หมาเองก็รู้ว่าใครเป็นคนใจดี ไปขอกับคนๆนี้เขาจะแบ่งปันอาหารให้แม่หมาทุกครั้ง แม่หมาก็มานั่งรอขอปลาดุกย่างด้วยความเจียมเนื้อเจียมตัว ชาวเน็ตหลายท่านแซวมาบอกว่า แม่ค้าสวยแถมจิตใจดีอีกต่างหาก ขอให้แม่ค้าขายดีวันดีคืนนะ ขอบคุณที่ช่วยแบ่งปันของกินที่ไว้ใช้ขาย แต่เธอกลับแบ่งปันให้โอกาสแม่หมาทุกครั้งที่เข้ามาขอ น่าชื่นชมจริงๆ ขอบคุณนะแม่ค้า...ถ้าใครได้มีโอกาสพบเจอกับแม่ค้าก็อย่าลืมอุดหนุนปลาย่างของเธอกันด้วยนะ พิกัด ตลาดนัดเขาขยาย อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี   ขอขอบคุณ : Kanyarat Suwannathada‎

เคยมีเจ้าของแต่ย้ายบ้านกลับไม่เอาน้องไปด้วย อาศัยนอนแถวหน้าห้าง เดินเร่ขอข้าวขอน้ำเพียงให้อิ่มท้อง

ทุกๆครั้งเรามักจะย้ำเตือนกับเพื่อนๆเสมอว่าการนำสนัขหนึ่งตัวมาเลี้ยงนั้นสิ่งที่จะตามมานั้นเท่ากับภาระที่เพื่อนๆจะต้องดูแลพวกเขาไปจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ เพราะสุนัขนั้นจะจดจำเจ้าของและรักผู้เป็นเจ้าของของเขาไปตลอดชีวิตซึ่งไม่ว่าวันเวลาจะนานเพียงใดก็ตามพวกเขาก็จะไม่มีวันลืมคุณ เช่นเดียวกับเจ้าตูบรายนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้นำเรื่องราวของเจ้าตูบตัวนี้ที่มีชื่อว่าเจ้า "โด้" มาโพสต์ลงในกลุ่ม Gluta Story Club หลังจากที่เจ้าโด้นั้นเคยเป็นสุนัขที่มีเจ้าของแต่ทว่าเจ้าของนั้นเป็นลูกจ้างขายของอยู่แถวหน้าโรงเรียนพระหฤทัยดอนเมือง ซึ่งเมื่อเจ้าของได้ย้ายบ้านไปแต่กลับไม่เอาเจ้าโด้ไปด้วย ที่เจ้าโด้อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะมีคนใจบุญแถวๆนั้นช่วยกันให้อาหารน้อง เพื่อให้อิ่มทอดและรอดไปอีกมื้อในแต่ละวัน โดยเจ้าโด้นั้นอาศัยนอนแถวหน้าห้างอเวนิวดอนเมืองเป็นเจ้าถิ่นแถวนั้นก็ว่าได้ และในตอนนี้เวลาก็ผ่านมานานหลายปีแล้วเจ้าโด้ก็แก่ลง ตาก็เริ่มฝ้าฟางขาก็กระเผลกเพราะเคยประสบอุบัติ เจ้าโด้ก็จะมาขอข้าวกับนมกินที่ร้านอยู่เป็นประจำ ส่วนมากผู้โพสต์นั้นก็จะพยายามทำเองเป็นไก่กับตับต้มผสมกับข้าว เจ้าโด้จะดีใจมากหากเจอพี่เกมส์เพราะถ้าว่าไหนเจอพี่เกมส์โด้ก็จะมีความสุขมากเพราะเจ้าโด้นั้นรู้จักพี่เกมส์มาตั้งแต่ก่อนอยู่อนุบาลแล้ว ซึ่งทั้งนี้ผู้โพสต์กับสามีเองก็ตั้งใจว่าจะดูแลให้ข้าวให้น้ำให้ยารักษาเจ้าโด้ไปตลอดจนกว่าจะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งถือเป็นเรื่องราวดีๆถึงโด้จะไม่มีเจ้าของแต่ก็ยังมีคนใจดีและมีน้ำใจให้ข้าวให้น้ำยังพอจะมีที่หลบฝนบังแดด ให้ได้ใช้ชีวิตรอดไปแต่ละวันได้ ถึงว่าแม่แท้ๆที่เลี้ยงดูมาจะปล่อยไปแต่ทุกคนในระแวกนั้นก็รักโด้ไม่แพ้กันเลยทีเดียว ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ได้มีผู้คนจำนวนมากต่างพากันเข้ามากดไลค์และคอมเม้นต์ถึงความน่ารักและชื่นชมในความมีน้ำใจที่ผู้โพสต์มีต่อเจ้าโด้สุนัขที่เคยมีเจ้าของ และถึงแม้ว่าน้องจะอายุมากขึ้นทุกวันผู้โพสต์เองก็สัญญาว่าจะดูแลโด้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขอขอบคุณข้อมูลจาก Joddy Thanongrob

ลนลานกลัวจนตัวสั่นหลังถูกชาวบ้านขับไล่ เอาไม้เขี่ยให้ไปไกลๆเพราะความเชื่อผิดๆของมนุษย์

ความเชื่อของคนไทยเราที่มีมาตั้งแต่โบร่ำโบราณก็อาจจะทำให้หลายๆชีวิตต้องตกอยู่ในความยากลำบาก อย่างเช่นแมวที่มีสีดำจนทำให้หลายครั้งที่พวกเขานั้นต้องเกิดมามีชีวิตที่ยากลำบากมากยิ่งขึ้นเพราะจากการเกิดมาเป็นแมวจรก็ว่าแย่แล้ว ถ้าเกิดมามีสีดำแล้วยิ่งไม่มีใครอยากจะได้หรือต้องการก็เพราะความเชื่อโบร่ำโบราณเหล่านั้น เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้านกแสกตัวน้อย จำนวนสองตัวที่ถูกชาวบ้านในระแวกนั้นขับไล่ทั้งเอาไม้เขี่ยให้ไปไกลๆ จนพวกเขาลนลานกลัวจนตัวสั่นซึ่งผู้โพสต์นั้นได้เข้าไปพบพวกเขาโดยบังเอิญในระหว่างทางกลับบ้าน จนเขานั้นทนเห็นไม่ไหวจึงเข้าไปช่วยเหลือซึ่งในตอนแรกเจ้านกเหล่านี้ก็ขู่ผู้โพสต์เพราะกลัวว่าจะโดนกระทำมาก่อนหน้านี้ จนผู้โพสต์นั้นได้แผ่เมตตาและบอกกับเจ้านกน้อยทั้งคู่ว่าเรามาช่วยนะ จึงจับลงกล่องได้สำเร็จจนในเวลาต่อมาได้ติดต่อให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชได้เข้ามาช่วยและรอทางเจ้าหน้าที่นั้นมารับน้องๆไปดูแลต่อเนื่องจากเหมือนว่าจะมีนกแสกตัวหนึ่งที่ปีกเหมือนจะหักและใช้การไม่ได้ โดยอีกตัวนั้นก็ปกติดี ซึ่งทั้งนี้ทางผู้โพสต์ก็ได้ขอขอบคุณ ผอ.สมปอง แห่งกรมอุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ช่วยประสานงานให้กับทางเจ้าหน้าที่และคุณหมอเข้ามาดูและรับน้องไปดูแลอนุบาลในเวลาต่อมา โดยทั้งนี้พวกน้องๆก็จะถูกส่งตัวไปอยู่ในความดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติต่อไป แต่ก็อยากจะฝากเตือนเพื่อนๆเอาไว้ว่าในเรื่องความเชื่อนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ผิดแต่ถ้าการเชื่อเหล่านั้นทำให้อีกหลากหลายชีวิตต้องลำบากเราก็ควรที่จะอยู่ในเกณฑ์ของหลักความเป็นจริงที่ว่า สิ่งทีชีวิตทุกชีวิตก็ล้วนแต่มีหัวจิตหัวใจไม่ต่างอะไรกับมนุษย์อย่างเราๆเอาไม้ไปเขี่ยไปไล่เขาเขาก็เกิดความหวาดกลัว ยิ่งถ้าพวกเขายังเล็กหรือช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ปล่อยเอาไว้ก็ไม่ต่างอะไรจากการปล่อยชีวิตเหล่านั้นให้สิ้นลม ถ้าไม่ชอบไม่อยากเข้าใกล้ก็แนะนำให้ถ่ายรูปแล้วโพสต์ขอความช่วยเหลือลงในโลกออนไลน์หรือไม่ก็อย่าเข้าไปกระทำกับเขาเลย ขอขอบคุณข้อมูลจาก Natkrita Polla-or 

สาวเลี้ยงแมวระบบปิด แต่ไม่วายโดนฝุ่นPM2.5 จนต้องรีบส่งโรงพยาบาลนอนรักษาตัวถึง5วัน

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Khimz Khwansiri ได้เผยเรื่องราวหลังแมวของเธอนั้นหายใจติดขัด มีไข้สูง ตาแฉะ โดยก่อนหน้านี้น้องแข็งแรงและร่าเริงปกติทุกอย่าง เธอจึงรีบพาแมวของเธอไปหาหมอ แต่แมวของเธออาการค่อนข้างหนักคุณหมอจึงสั่งให้นอนโรงพยาบาลเป็นเวลากว่า 5 วันเต็ม . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า เคยทำแต่แอดมิทคนต้องมาทำแอดมิทแมว อย่าเป็นอะไรเลยนะลูก คืนนี้หนูนอนกับคุณหมอไปก่อนนะ งือ สงสารน้อง แมวฉันเป็นอะไรเนี่ย ไข้สูงปรี๊ดเลย ตาก็แฉะเมื่อวานยังดีๆอยู่เลย หลังจากออกจากโรงพยาบาลสัตว์หลังพักรักษาตัวถึง 5 วัน คุณหมอก็ให้น้องกลับบ้านได้ หลังกลับถึงบ้านไม่ถึง 30 นาที อาการของน้องก็กำเริบขึ้นอีกครั้ง โดยเธอนั้นได้อัปเดทเพิ่มเติมเอาไว้ว่า พาน้องไปหาหมอมา หมอบอกว่าโดนPM2.5 นอนแอดมิทไป5วัน วันนี้อาการดีขึ้นไปแล้วเลยรับกลับมาดูแลต่อที่บ้าน พอกลับมาถึงบ้านไม่ถึงครึ่งชม. จามออกมาเป็นโลหิตเลย ทาสใจหล่นตุ้บ เจ้านายบ้านไหนอายุยังน้อยระวังหน่อยนะคะ ช่วงนี้ฝุ่นเยอะมาก นี่ขนาดเลี้ยงระบบปิด ไม่รอด เกมเฉยเลย คนเลี้ยงแมวบ้านไหนที่โดน PM2.5 อยู่ช่วงนี้ควรดูแลสัตว์เลี้ยงของคุณอย่างใกล้ชิดนะ หมั่นดูอาการความผิดปกติของน้องเพราะช่วงนี้ฝุ่นเยอะคนได้รับผลกระทบ ส่วนสัตว์เลี้ยงได้รับผลกระทบหนักกว่า นี่ขนาดเลี้ยงระบบปิดนะ น้องยังป่วยได้เลย ปล.น้องชื่อไซเรน อายุเพียง 4 เดือน https://www.facebook.com/khimz.ksr/videos/pcb.10213520337797390/10213520295116323/   ที่มา Khimz Khwansiri

โวยวายลั่นหลังปล่อยให้อยู่โรงแรมเพียงลำพัง 3 วันหลังจากนั้นตัวติดไม่ยอมให้คาดสายตา

เพื่อนๆหลายคนที่ได้เลี้ยงสัตว์ก็คงจะเข้าใจหัวอกของพวกเขากันดี เมื่อวันใดวันหนึ่งเพื่อนๆจำเป็นต้องไปธุระหรือไปที่ๆต้องปล่อยให้พวกเขาอยู่กันตามลำพังแน่นอนว่าพวกเขาก็คงจะคิดถึงเพื่อนๆอย่างแน่นอน แต่ทว่าหากเป็นแมวละพวกเขาจะคิดถึงเราหรือไม่เราไปฟังเรื่องราวนี้กัน หลังผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวสุดที่รัก สองตัวของเขาลงในกลุ่ม ทาสแมว Official หลังจากที่เขานั้นต้องปล่อยให้เจ้าเหมียวทั้งสองอยู่ที่โรงแรมเพียงลำพังเป็นเวลากว่า 3 วัน ซึ่งทว่าเมื่อเขากลับมาแล้วเขาแทบจะไปไหนไม่ได้เลย เพราะด้วยว่าเจ้าเหมียวนั้นไม่ยอมให้เขาไปไหนเลยแม้แต่การจะลงไปเข้าห้องน้ำในปั้มน้ำมัน เจ้าเหมียวก็แหกปากลั่นโวยวายเพราะกลัวว่าจะถูกทิ้งเอาไว้ให้อยู่กันเพียงลำพังอีก ถึงขนาดว่าร้องโวยวายลั่นจนผู้เป็นทาสนั้นต้องเอาลงไปห้องน้ำด้วยกันเลยทีเดียวจะได้หยุดร้อง ซึ่งผู้โพสต์นั้นยังได้บอกอีกด้วยว่าโดยปกติแล้วน้องจะกลัวคนแปลกหน้าแต่ทว่าคราวนี้กลับลงไปด้วยเพราะสงสัยว่ากลัวจะโดยปล่อยให้อยู่เพียงลำพังอีกเลยไม่ยอมให้ผู้เป็นทาสนั้นคาดสายตาเลยทีเดียว โดยน้องนั้นมีทั้งหมด 2 ตัว และมีชื่อว่านับตังนับเพชร นับตังค์แมวมาร นับเพรชนางร้าย ซึ่งเรื่องราวนี้ก็ทำให้เรานั้นได้เห็นว่าไม่ใช่เพียงแค่สุนัขเพียงเท่านั้นที่คิดถึงและรักผู้เป็นเจ้าของ เพราะแม้แต่แมวเองก็มีหัวใจและรักเจ้าของอย่างทาสนั้นไม่ต่างจากสุนัขเลยทีเดียว ซึ่งหากเพื่อนๆมีความจำเป็นจริงๆที่จะต้องปล่อยให้น้องๆอยู่กันลำพังแล้วก็อยากจะฝากให้นำน้องๆไปฝากยังคลินิคที่ไว้ใจได้ ดีกว่าให้พวกเขาอยู่กันเพียงลำพัง ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tida Pinky Iyarin

พนักงานส่งของสุดจะทนหลังเจอลูกค้า ร้องแย่เสียเวลาจะไปต่อก็ไปไม่ได้

เพราะทุกๆอาชีพล้วนแต่ต้องพบเจอกับปัญหาในการทำงานเสมอขึ้นอยู่กับว่าคุณจะสามารถแก้ไขและผ่านมันไปได้อย่างไร เช่นเดียวกับอาชีพที่ต้องส่งของและพบเจอกับผู้คน และแม้แต่สัตว์เลี้ยงที่ในบางครั้งพวกสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักนี้ก็เป็นตัวการที่ทำให้อาชีพพนักงานส่งของนั้นแสนจะยากลำบาก เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้โพสต์เล่าเรื่องราวลงในกลุ่มรักหมาจัง หลังจากที่เขานั้นได้พบเจอกับลูกค้าตัวปัญหาที่ทำเอาเสียเวลาไปเลย โดยเขานั้นได้เล่าว่า เขาเป็นพนักงานส่งของและต้องเจอลูกค้าแบบนี้ก็แย่เลย เพราะเสียเวลามากๆ คือคุณจะแกะพัสดุไม่ได้เพราะไม่ใช่ของคุณ ต่อให้คุณอยู่บ้านเดียวกันผมก็ให้คุณแกะพัสดุไม่ได้ กว่าจะได้ส่งพัสดุผมต้องนวดหัว เกาคางจับมือ เล่นหู คือผมจะไปส่งพัสดุต่อโปรดเข้าใจผมด้วยครับ แล้วมาเล่นกันใหม่นะ หน้าดุๆแต่ทำไมแบ๊วจังลูก ซึ่งทั้งนี้ไอ้ที่ว่าเสียเวลานั้นหมายถึงเจอน้องน่ารักแบบนี้จะไม่ให้เล่นด้วยได้ยังไง เพราะทั้งน่ารักทั้งน่าเอ็นดูขนาดนี้จะไปก็ไม่ให้ไปให้เล่นด้วยต่ออีกเลยยาวไปๆ ทั้งนี้ผู้โพสต์จึงได้เอาเรื่องราวสุดน่ารักนี้มาเล่าลงในกลุ่มดังกล่าวและผู้คนต่างก็พากันชื่นชมในความน่ารักของน้องเพราะถึงหน้าตาน้องจะหน้าดุแต่น้องก็ใจดีมาก แถมยังได้เพื่อนเล่นเป็นพี่พนักงานส่งของอีกด้วย อาจจะเพราะด้วยต้องอยู่บ้านลำพังเพราะผู้เป็นเจ้าของนั้นออกไปทำงานน้องก็คงจะเหงาเลยพยายามหาเพื่อนเล่นด้วยแหละนะ ซึ่งหากเพื่อนๆเจอน้องๆที่อยู่บ้านลำพังแบบนี้ถ้าน้องมีท่าทีไม่ดุร้ายก็ลองอยู่เล่นเป็นเพื่อนซักแปบถ้าไม่เสียเวลามากเกินไปเชื่อว่าน้องนั้นต้องมีความสุขอย่างแน่นอน  ขอขอบคุณข้อมูลจาก Pom'Mio Inthachai

สาวพาแม่ไปซื้ออาหารแมวแต่กลับจำยี่ห้อไม่ได้ แม่จึงเอาตัวอย่างมาให้ร้านดูซะเลย

เพื่อนๆเคยสงสัยกันบ้างมั้ยว่าทำไมคนสูงอายุอย่างเช่นคุณยายหรือคุณตาหรือแม้แต่แม่ของเราๆนั้นถึงรักและเลี้ยงดูเจ้าเหมียวดีกว่าลูกแท้ๆ อาจจะเพราะด้วยเมื่อแก่ตัวไปลูกๆไม่สามารถที่จะอยู่กับคนเป็นพ่อเป็นแม่ได้อย่างพวกเจ้าเหมียวหรืออาจจะด้วยความน่ารักของพวกเจ้าเหมียวกันแน่ เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้โพสต์เล่าเรื่องราวความน่ารักของคุณยาย ที่มีต่อเจ้าเหมียวสุดที่รักหลังจากที่ผู้เป็นแม่ของผู้โพสต์นั้นให้ช่วยพาไปซื้ออาหารแมวและคิดว่าจะให้เปลี่ยนยี่ห้อเพราะเจ้าขนมตาล (ชื่อแมว) กินยี่ห้อนี้แล้วกินเยอะจนตัวอ้วน ซึ่งผู้โพสต์ก็ได้บอกตกลงและพาผู้เป็นแม่ไปยังร้านขายอาหารแต่ทว่าด้วยความเอ็นดูและความน่ารักคุณแม่ของผู้โพสต์นั้นกลับจำยี่ห้ออาหารนั้นไม่ได้แต่ทว่าแม่ของผู้โพสต์นั้นก็เอาตัวอย่างของอาหารยี่ห้อนี้มาด้วย ซึ่่งในตอนแรกผู้โพสต์ก็คิดในใจว่าคงจะเอาถุงอาหารของเจ้าขนมตาลที่หมดแล้วมาเพราะจำยี่ห้อไม่ได้ แต่ที่ไหนได้ป่าวเลยคุณแม่นั้นกลับเอากระดาษที่ห่ออาหารยี่ห้อนี้มาต่างหาก ซึ่งกลายเป็นความน่ารักของคุณแม่ของผู้โพสต์ที่มีต่อเจ้าเหมียวขนมตาลอันเป็นที่รัก ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวนั้นได้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ได้มีผู้คนจำนวนมากต่างพากันเข้ามาให้ความสนใจที่คุณยายมีต่อเจ้าเหมียวซึ่งถือเป็นเรื่องราวที่สร้างรอยยิ้มและความอบอุ่นให้ครอบครัวได้เป็นอย่างดี ขอขอบคุณข้อมูลจาก Pupae Nuttiya Boonmee

ย้ายออกไปซื้อบ้านตามหาไม่เจอนานร่วมปี คิดว่าสิ้นใจไปแล้วกลับมาอีกทียังคงเฝ้ารออยู่ที่เดิม

หลายๆครั้งเรามักจะได้ยินแต่เรื่องราวของสุนัขที่ยังคงเฝ้าคอยเจ้านายเมื่อเวลาผ่านไปนานแสนนานก็ยังคงจะเฝ้ารออยู่แต่ที่เดิมๆที่เคยได้ใช้ชีวิตร่วมกันกับนายอันเป็นที่รัก แต่ทว่าเรื่องราวนี้กลับเกิดขึ้นกับเจ้าเหมียวละทาสมนุษย์รายหนึ่ง หลังจากที่เขานั้นได้เคยเช่าห้องอยู่ในอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ และได้แอบเลี้ยงแมวเอาไว้ด้วยหนึ่งตัวเป็นตัวเมียที่มีชื่อว่าเจ้า นำโชค จนวันหนึ่งได้มีแมวตัวผู้มาติดพันแมวตัวเมียของเขา ซึ่งเจ้าเหมียวตัวผู้นั้นได้เป็นแมวจรอยู่ในระแวกนั้นและน้องก็มีนิสัยขี้อายและกลัวไปหมด แรกๆก็ไม่ได้ให้ผู้โพสต์รายนี้จับเลยแม้แต่น้อยได้แต่มาแอบมองแล้วหนี จนกระทั่งให้ข้าวให้น้ำเรื่อยมาจนผ่านไปนานถึงจะยอมให้จับและเข้ามาเล่นด้วย จนแมวของผู้โพสต์ที่เลี้ยงไว้นั้นได้ตั้งท้องและมีชื่อว่าเจ้ามีตัง และวันหนึ่งเจ้าเหมียวตัวผู้รายนี้ก็ได้หายตัวไปซึ่งผู้โพสต์นั้นก็ได้ตั้งชื่อให้กับเจ้าเหมียวตัวผู้นี้ว่าเจ้าซื่อบื้อ เพราะหน้าตาน้องนั้นเป็นแบบนั้น และวันหนึ่งผู้โพสต์ก็ได้ซืิ้อบ้านเป็นของตัวเองและจำต้องย้ายออกจากที่นี่ไป แต่ผู้โพสต์ก็ได้เอาแมวทั้งหมดไปเลี้ยงยกเว้นแต่เจ้าซื่อบื้อเพราะผู้โพสต์นั้นตามหาน้องไม่เจอ จนได้ถามแม่บ้านที่อยู่ประจำอพาร์ทเม้นท์แห่งนั้นซึ่งแม่บ้านได้เล่าว่าเจอเจ้าเหมียวตัวหนึ่งนอนสิ้นลมอยู่แถวๆอพาร์ทเม้นท์และก็น่าจะเป็นเจ้าซื่อบื้อ โดยผู้โพสต์ก็ทำได้เพียงแค่สงสารน้องมากๆในตอนนั้นจนกระทั่งวันเวลาผ่านไปร่วม 1 ปีแล้ว เพื่อนของผู้โพสต์ที่อยู่อพาร์ทเม้นท์ได้ส่งรูปมาบอกว่า เจ้าซื่อบื้อนั้นยังอยู่และมันก็กลับมารอที่หน้าห้องเดิมที่ผู้โพสต์ได้เคยอยู่เหมือนเดิมแต่คนแถวนั้นไม่ให้น้องเข้าห้องผอมเดินเลาะตามห้องเพื่อที่จะขอข้าวกินประทังความหิว ซึ่งเมื่อได้ทราบเช่นนั้นผู้โพสต์จึงตัดสินใจว่าเย็นในวันนั้นจะกลับไปที่นั่นอีกครั้ง เพื่อที่จะกลับไปรับเจ้าเหมียวซื่อบื้อกลับมาเลี้ยงด้วยกัน จะได้ไม่ต้องอยู่อย่างเร่ร่อนอีกต่อไป และเมื่อผู้โพสต์นั้นได้กลับไปก็ได้พบน้องอยู่ที่นั่นจริงๆแต่ทว่ายังไม่สามารถที่จะจับตัวน้องได้เนื่องจากน้องขี้กลัวและหวาดระแวงแต่ยังไงก็ตามผู้โพสต์รายนี้ก็ได้บอกเอาไว้ว่าจะเอาเจ้าซื่อบื้อกลับไปอยู่บ้านด้วยกันให้ได้อย่างแน่นอน ขอขอบคุณข้อมูลจาก อัศวิน เศวตะพุกกะ

หนุ่มใจดีพบหมาจรเดินกินเศษขยะ ลองเอาหมูสะเต๊ะให้กินเท่านั้นแหละเดินตามไม่ยอมหยุดเลย

เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2563 ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Sorasart Wisetsin หรือคุณยอร์ชแห่งบ้าน Gluta Story ในวันดังกล่าวคุณยอร์ชเองได้ขับรถผ่านที่ดงสวนมะพร้าวและได้พบเจอกับน้องหมาตัวหนึ่ง มันเป็นหมาจรที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ คุณยอร์ชเองในฐานะที่เลี้ยงหมาหน้าตาแบบนี้อยู่แล้วก็เลยลองเอาหมูสะเต๊ะให้น้องกินดูเพราะดูแล้วน้องน่าจะหิวมากๆ . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า ผมเจอหมาน้อย เดินเตร็ดเตร่ไปตามทาง หาเศษขยะกินอยู่ริมทางของสวนมะพร้าว ลองเอาหมูสะเต๊ะไปให้กินไม้เดียวเท่านั้นแหละ นางก็เดินตามเลย ส้มเลยบอกให้เอามา ตอนนี้ก็เลยอุ้มมาหาบ้านครับ น้องดูตัวเล็กแต่ผมเดาว่าน่าจะสองสามขวบ ก่อนเอาไปประกาศลงเพจ Gluta story เปิดโอกาสให้เพื่อนๆในเฟสบุคผมก่อน หากใครสนใจอยากรับน้องไปเลี้ยง inbox มาหาผมได้เลยครับ น้องเป็นตัวเมีย มีนิสัยขี้อ้อน ชอบคน ไซส์มินิ อายุประมาณ 2-3 ปี ( เดา ) ลักษณะสีน้ำตาลขาว ชาวเน็ตหลังได้อ่านเรื่องราวหลายท่านต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็น อยากให้คุณยอร์ชรับน้องไปดูแล อยากให้น้องไปเป็นเพื่อนกับกลูต้า สนิมและกอลลั่ม เพราะดูทรงรูปร่างหน้าตาของน้องออกจะหน้าตาดีเลยนะ ถ้าได้ขัดสีฉวีวรรณสักนิดน้องจะต้องน่ารักมากๆแน่ๆ เบื้องต้นทางคุณยอร์ชก็จะรับมาดูแลก่อนนะ อีกไม่นานแอดเชื่อว่าน้องจะต้องได้บ้านอย่างแน่นอน ไม่บ้านคุณยอร์ชก็น่าจะบ้านเหล่าสาวกกลูต้านี่แหละ ฮ่าฮ่า ดีใจด้วยนะลูก หนูเจอพ่อพระเข้าให้แล้วววว ขอขอบคุณ : Sorasart Wisetsin

พรากลูกเขาถูกใส่กระสอบมาปล่อยไว้ ตัวก็เล็กตาก็เพิ่งลืมไร้แม้แต่ความห่วงใยจากเจ้าของ

หากเราจะพูดถึงการเลี้ยงสุนัขหรือแมวหนึ่งตัวแล้ว สิ่งที่เพื่อนๆจะต้องเตรียมตัวก่อนที่จะเอาพวกเขามาเลี้ยงนั้นก็คือการเตรียมความพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อหนึ่งชีวิตไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ เพราะอย่าได้ลืมไปว่าการนำพวกเขามาเลี้ยงแล้วพวกเขานั้นก็คิดว่ามนุษย์อย่างเราๆเหมือนคนเป็นพ่อเป็นแม่ของพวกเขา มิเช่นนั้นปัญหาเหล่านี้ก็จะตามมายิ่งถ้าเลี้ยงแล้วปล่อยปะละเลยแล้วหากมีลูกก็จะมีปัญหาการนำลูกสุนัขมาปล่อย อย่างเช่นเจ้าตูบเหล่านี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเจ้าตูบทั้งสามตัวที่ถูกใส่กระสอบมาปล่อยเอาไว้ที่ริมถนนฟุตบาทอย่างไร้เยื่อใย โดยทื่ผู้นำมาปล่อยหรือเจ้าของเก่าของน้องนั้นไม่ได้ห่วงถึงความปลอดภัยที่พวกน้องต้องเผชิญเลย ซึ่งเหล่าเจ้าตูบทั้งสามตัวนั้นก็ทำได้เพียงแค่หลบและแอบซ่อนตัวอยู่ในถุงกระสอบดังกล่าวด้วยความหวาดระแวง เพราะยังเล็กและไม่เคยได้เผชิญกับโลกภายนอกอีกทั้งก็ไม่รู้ว่าน้องๆนั้นหย่านมกันแล้วหรือยัง ซึ่งทั้งนี้ผู้โพสต์นั้นได้ระบุข้อความเอาไว้ด้วยว่า "มีคนเอาน้องหมามาปล่อยไว้หน้ามหาวิทยาลัย (มรภ.อุดรธานี) ค่ะ น่าสงสารน้องๆมากๆมีใครอยากรับเลี้ยงพวกน้องๆไหมคะ ตอนนี้ฝากไว้กับทางคุณป้าขับวินไปช่วยดูแล 1 คืนนะคะ พรุ่งนี้คุณป้าจะเอามาให้ค่ะ ใครอยากได้อยากอุปการะน้องๆ" "Inbox เข้ามาได้เลยนะคะ" ซึ่งทางผู้โพสต์นั้นได้มอบเจ้าตูบทั้งสามตัวไปให้กับคุณป้าที่เป็นวินมอเตอร์ไซค์อยู่ในระแวกนั้นช่วยดูแลเป็นเวลาหนึ่งคืน เนื่องจากถ้าปล่อยเอาไว้น้องๆคงได้รับอันตรายจากโลกภายนอกเป็นแน่แท้ ซึ่งหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากจะรับน้องๆไปเลี้ยงก็สามารถติดต่อได้ที่ต้นโพสต์ได้เลยนะคะ ขอเพียงบ้านที่มีพื้นที่ให้ได้วิ่งเล่นขอเพียงข้าวให้ได้อิ่มท้องพวกหนูก็คงอยู่ได้กันแบบไม่ดื้อไม่ซนแล้ว ขอขอบคุณข้อมูลจาก Sutida Sappong