แม่แมวหนีไม่คิดชีวิตจากคนเขาที่ไม่ชอบ เอาตัวลูกไปหลบซ่อนไว้ที่ข้างถังขยะหวังให้ลูกอยู่รอดต่อไป

เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Pattamawadee Pat Kp ได้เผยเรื่องราวหลังเพื่อนของทางสาวผู้โพสต์ได้พบเจอกับแม่แมวจรที่ถูกคนเขาไล่ไม่เว้นแต่ละเว้น แถมยังเจอคนเขาที่ไม่ชอบเอาน้ำมาเทใส่ แม่แมวต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอดขอให้ลูกๆที่กำลังจะเกิดปลอดภัย . โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า เด็กๆเหล่านี้เป็น​ลูกของแมวจร​ โดยแม่แมวตอนที่กำลังใกล้ที่จะให้กำเนิดลูกนั้นถูกคนเขาที่ไม่ชอบโดนไล่​อยู่บ่อยครั้ง แถมยังถูกเอาน้ำมาเทใส่ น้องต้องกระเสือกกระสนเดินท้องโย้มาแอบที่ข้างถังขยะ​ตรงบ้านเพื่อน​​ พอเพื่อนเห็นเข้าก็เลยช่วยมาได้สามวันแม่แมวก็ออกลูกออกหลานจนตอนนี้​เด็ก​ๆอายุ​ได้เดือนกว่าแล้วค่ะ​ เลยอยากจะมาขอบ้านที่อบอุ่น​ให้​เด็ก​ๆค่ะ​ พอดีเพื่อนไม่สามารถเลี้ยงน้องๆเหล่านี้​ได้เนื่องจากที่บ้านมีแมวอยู่​แล้วทั้งหมด​9​ตัว​ เลยมาขอบ้านที่อบอุ่น​ให้​กับเด็ก​ๆค่ะ จนเรื่องราวของน้องถูกโพสต์ในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตมากมายต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมยินดีรับน้องๆไปเลี้ยงไปดูแล ด้วยความลำบากของตัวแม่นั้นบวกกับความน่ารักของเด็กๆ ทำให้น้องแมวทั้งหมดติดจองเป็นที่เรียบร้อบแล้ว ต้องขอขอบคุณชาวเน็ตที่หยิบยื่นโอกาสให้แก่เด็กๆด้วยนะ ต่อจากนี้น้องจะได้มีบ้านไม่ถูกคนเขาไล่เหมือนกับตัวแม่แล้ว แต่ทางผู้โพสต์ไม่ได้บอกนะว่าแม่แมวมีคนรับไปเลี้ยงหรือไม่ แต่เราก็หวังว่าน้องๆจะได้บ้านทั้งหมดรวมไปถึงตัวแม่แมวด้วยนะ ที่มา Pattamawadee Pat Kp

ตกจากรถตัวระทมไปแอบนอนเจ้าของไม่รู้ เฝ้าตามหาอยู่แม้ข้าวปลากินนอนไม่ได้

เพราะความเป็นเด็กที่มีอยู่ในตัวแม้จะอายุเท่าไหร่ก็ตามด้วยพวกเขาจะมีความคิดความอ่านเท่ากับเด็กสามขวบเพียงเท่าน ั้น เลยทำให้เวลาออกไปเที่ยวเล่นก็อยากจะรู้อยากจะเห็นกัน เลยเข้าไปแอบนอนใต้ท้องรถมาและไปตกกลางถนนเลยได้หายตัวไป เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Cygne Blanc ได้โพสต์เรื่องราวยังตามหาแมวหายพันธุ์สก็อตติชโฟลช์ สีขาวเพศเมีย ตาสีฟ้า หูพับตกจากรถตรงบริเวณถนนหน้า บริษัท ซี.เอ.เอส.เอช โอโตพาร์ทส หรือโรงงาน CASH ในซอยวัดพลมานีย์ลาดกระบัง ในวันที่ 30 มกราคม 65 เวลาประมาณเที่ยงคืนได้ และระหว่างที่น้องตกก็มีรถคันสีดำซูซูกิสวิฟเห็นป้ายทะเบียนไม่ชัด ตามมาจากข้างหลังหลบน้องแมวแล้วจอดข้างทางน่าจะเห็นเหตุการณ์ ถ้าคุ฿กจำวันที่คุณหลบน้องแมวแล้วจอดข้างทางได้ช่วยติดต่อกลับมาหน่อยได้ไหมคะ หรือถ้าใครพบเห็นก็ช่วยดูแลน้องแมวเอาไว้ให้ติดต่อมาที่เธอได้เลยเพราะเธอเองก็มีสินน้ำใจหรือรางวัลให้นำส่งน้องคืน เพราะเธอเองก็ทุกข์มากเพราะตรอมใจกับการหายตัวไปของน้องเพราะคิดถึงน้องมากๆ...

เกือบต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เพราะความหวังดีของผู้เป็นแม่ ร้องลั่นให้ช่วยกลางดึกจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

เพราะความหวังดีของผู้เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยง เมื่อเราได้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเราก็รักและดูแลพวกเขาด้วยความหวังดีเสมอมาซึ่งในบางครั้งความหวังดีเหล่านั้นก็กลับมาทำเค้าโดยที่ตัวเราเองไม่รู้ตัวและไม่ได้ตั้งใจทางเจ้าของเองก็ไม่อยากให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น เช่นเดียวกับเรื่องราวของผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งที่ได้นำเรื่องราวมาโพสต์เพื่อเตือนเพื่อนๆในกลุ่ม ทาสแมว Official หลังจากที่เธอนั้นได้พบเรื่องราวที่เจอมากับตัวสดๆร้อนๆ หลังจากที่เกือบที่จะต้องสูญเสียแมวอันเป็นที่รักไปเพราะด้วยความหวังดีของตัวเอง ซึ่งหากเพื่อนๆเลี้ยงสัตว์แล้วเพื่อนๆเองก็คงจะหาปลอกคอมาใส่ให้กับน้องๆสัตว์เลี้ยงของเพื่อนๆ เพื่อด้วยความสวยงามและการที่ทำให้หลายๆคนได้รู้ว่าสัตว์ตัวนั้นๆมีเจ้าของ หลายคนมักมีเบอร์ติดที่ปลอกคอเผื่อในกรณีที่หมาแมวหลุดหาย แต่ทว่าการนำปลอกคอมาใส่ให้กับน้องหมาน้องแมวแล้วก็อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้เช่นเดียวกับเจ้าเหมียวรายนี้ หลังจากที่ผู้เป็นเจ้าของรายนี้ได้เล่าว่า เกือบจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเพราะความดื้อของนางด้วย ร้องเสียงดังกลางดึกตื่นทั้งพ่อและแม่ ไม่รู้ว่าไปจับนกหรือตัวอะไรเข้ามากระดิ่งไปติดที่ตะขอปากก็ดันไปติดด้วย โชคดีที่พ่อมาเห็นเข้าเลยช่วยเอาไว้ได้ทันไม่อย่างนั้นคงจะสิ้นใจ ต่อไปจะไม่ใส่ให้อีกแล้วเพราะเลี้ยงระบบปิด คงจะตกใจด้วยความกลัวไม่กินอะไรเลยในตอนนี้ ซึ่งทั้งนี้เธอจึงนำเรื่องราวมาบอกกับเพื่อนๆในกลุ่มเพื่อเตือนถึงอันตรายใกล้ตัวที่สามารถจะเกิดขึ้นได้หากไม่ระมัดระวัง เพราะเป็นเพียงปัญหาเล็กๆที่เรียกว่าเส้นผมบังภูเขาซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้กับน้องหมาหรือน้องแมวของพวกเราเอง ขอขอบคุณข้อมูลจาก วันฤดี มุกธวัช

ถูกเขาโยนลงมาจากชั้น 2 นอนนิ่งน้ำตาตกด้วยเป็นจรจึงไร้ใครเขาช่วยเหลือ

ด้วยตัวเกิดมาไร้พูดไม่ได้ถูกเขาทำเช่นไรก็จำทน ด้วยน้ำมือของคนเขาไม่ชอบตัวนอนแน่นิ่งแม้ตัวเจ็บหนักน้ำตาหลั่งยากแม้ต้องทนทุกข์ก็ชีวิตเกิดมาเขาเห็นไร้ค่าไม่มีใครเขาเหลี่ยวแล จึงต้องหลบอาศัยร่อนเร่ให้ผ่านพ้นวัน เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Wipawan Norachat ได้โพสต์เรื่องราวของเมื่อวันที่ 13 พ.ย 2563 ในเวลาประมาณ 3 ทุ่มเขาได้พบเจ้าเหมียวถูกเขาโยนลงมาจากตึกชั้น 2 น้องก็ขาหักนอนนิ่งน้ำตานองด้วยความเจ็บ แต่ก็ไร้ใครเขาจะช่วยเหลือ ซึ่งคนรู้จักกับเจ้าของโพสต์ได้พาน้องไปหาหมอมาแล้วทางคุณหมอเองก็ได้บอกว่าน้องขาหักหนึ่งข้างเพราะถูกโยนลงมา ถ้าจะให้ดามขาให้น้องกับมาเดินได้ 4 ขาเหมือนเดิมก็จะต้องใช้เงินประมาณ 14,000 บาทเพราะต้องทำการรักษาใส่เหล็กดามเอาไว้ ด้วยตัวเองก็มีกำลังไม่ถึง ตอนนี้เลยจำเป้นต้องพาน้องกลับมาก่อนด้วยจ่ายค่ารักษาไป 1,400 หมอก็ทำได้แค่ให้ความชาและนำมารักษาต่อที่บ้าน เขาจึงอยากจะหามูลนิธิจะช่วยเหลือน้องหรือใครก็ตามอยากจะรับน้องไปรักษาหรือเลี้ยงดูต่อ ซึ่งหากปล่อยเอาไว้นานน้องอาจจะกลับมาเดินเหมือนเดิมไม่ได้อีก...

ได้ยินเสียงร้องเห็นไปวิ่งไล่เขาบนหลังคา ตกลงมาดังแอ๊กนอนนิ่งใจแม่สลาย

ด้วยความซนความกวนและห่วงบ้านไม่ยอมข้านหากมีใครเขามายุ่ง จึงไปวิ่งไล่งับเขาไม่ดูพุงสนองตุงเสียงดังตุบตกลงมา ได้ยินเสียงร้องว่าวิ่งไล่ใยไฉนมานอนแน่นิ่งข้างล่างเดินไปเห็นไม่ยอมตื่นใจอ้างว้างไม่ยอมห่างคอยเฝ้าดูด้วยดวงใจ เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Benjawan Praew ได้โพสต์เรื่องราวของน้องแมวอ้วน หลังจากได้ยินเสียงแมวร้องวิ่งไล่กันอยู่บนหลังคาบ้านซึ่งเห็นว่ามีแมวจรเข้ามาและน้องก็ได้ถูกเลี้ยงดูมาในแบบปล่อย จึงไปวิ่งไล่เขาให้ออกไปจากบ้านของน้องเอง เพราะความห่วงบ้านและอาณาเขตทำให้ไม่คิดให้ดี จึงพลัดตกลงมาจากลงคาลงกับพื้นเสียงดังตุบยังนึกว่าคงจะเจ็บเพราะน้ำหนักของน้องเองก็ไม่ใช่น้อย จึงค่อยๆเดินไปดูให้แน่ใจว่าปลอดภัยดี แต่มาเห็นคนดีนอนนิ่งไม่ยอมขยับแม่เองก็น้ำตาคลอแล้ว เลยเอามืออังดูแล้วยังหายใจอยู่แค่สลบไปเพราะความสูง แม่ก็ห่วงดังดวงใจเหมือนกับลูกจึงเฝ้าคอยดูเห็นตื่นมานั่งขึ้นอืดปกติเหมือนไม่เกิดอะไร คงเสียหน้าเห็นอริเข้ามาบ้านด้วยอ้วนขานวิ่งขึ้นไปไม่ดูน้ำหนักเลย แม้แม่เองก็ใจหายนึกว่าลูกจากไปไม่มีกลับ แม้แต่ความสูงเพียงเล็กน้อยเองก็ไม่ควรจะมองข้าม เพราะแมวเองถึงจะสามารถขึ้นและลงมาจากบ้านสูงมากได้แต่ถ้าน้ำหนักของพวกเขาเยอะเกินพวกเขาก็จะลงมาเจ็บมากขึ้น ซึ่งถ้าเกิดขึ้นก็ควรจะพาไปหาหมอเพื่อให้ดูอาการก่อนและไม่ควรจะปล่อยเอาไว้ ที่มา Benjawan Praew

แอบอาศัยในโรงงาน แต่ถูกเขาเอาเท้าเขี่ยเอาเท้าเตะเพราะไม่ชอบ แต่ด้วยเกิดมาเป็นจรเลยต้องจำใจทน

เพราะมนุษย์อย่างเราๆนั้นเกิดมามีหัวใจที่แตกต่างกันด้วยการเลี้ยงดูการศึกษาหรือสภาวะทางสังคมที่เติบโตมา ทำให้มนุษย์บางคนนั้นมีจิตใจที่เมตตาต่อสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ แต่กลับกันในบางคนนั้นกลับไม่มีจิตใจที่เมตตากับสัตว์เหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เพราะด้วยสภาพวะทางจิตใจที่ถูกหล่อหลอมมาตั้งแต่เด็ก เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Winai Yudee ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้ลงในกลุ่ม คนเลี้ยงแมว หลังจากที่เธอนั้นพบน้องถูกคนจิตใจร้ายรังแกด้วยเพราะเกิดมาเป็นแมวจร ซึ่งน้องนั้นอาศัยแอบนอนอยู่ในโรงงานที่เธอได้อยู่ แต่ทว่าก็มากผู้หลายคนและในหลายๆคนก็ไม่มีใครเขาชอบแมว จึงเอาเท้าเขี่ยเอาเท้าเตะเพื่อที่จะไล่น้อง โดยเธอยังได้บอกอีกด้วยว่าในบางวันนั้นถึงขนาดเห็นคนงานเข็นรถเพื่อทับหางจนน้องกระโดดตัวลอย ซึ่งด้วยตัวเธอเองก็อยากที่จะช่วยเหลือน้องแต่ทว่า เธอก็กลัวว่าจะเข้ากับแมวที่บ้านของเธอไม่ได้จึงได้นำเรื่องราวมาโพสต์ยังกลุ่มดังกล่าวเพื่อหวังว่าจะมีใครที่พอจะมีพื้นที่และความเมตตาในหัวใจให้กับน้องเหมียวรายนี้ เพราะหากปล่อยน้องเอาไว้แบบนี้น้องก็คงจะได้รับบาดเจ็บเข้าสักวัน อีกทั้งชีวิตนั้นเลือกไม่ได้เพราะถ้าออกไปอยู่ที่อื่น ก็จะต้องพบเจอกับอันตรายจากโลกภายนอกจึงจำต้องอยู่ในนี้แม้ตัวจะโดนรังแกหรือรังเกียจมากเพียงไหน เพราะชีวิตที่เลือกไม่ได้ ซึ่งเมื่อหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2563 ทางผู้โพสต์ก็ได้มาอัพเดทเพิ่มเติมด้วยว่าน้องได้บ้านหลังใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้วไม่ต้องมาทนอยู่ในโรงงานดังกล่าวอีกต่อไป ซึ่งทั้งนี้ก็อยากจะฝากถึงเพื่อนๆเอาไว้สำหรับคนที่ไม่ชอบหรือไม่รักสัตว์อยากจะให้มองว่าพวกเขาคือสิ่งมีชีวิตเหมือนกับเราพวกเขาสามารถเจ็บร้องได้เหมือนกับเด็กถ้าไม่รักไม่ชอบพวกเขาก็อย่าไปทำพวกเขาเลย ขอขอบคุณข้อมูลจาก Winai Yudee

เคยอยู่ร่วมกันมา 10 กว่าปีวันนี้จำจากลาแล้ว โอ๋ดวงแก้วขอทำให้เป็นครั้งสุดท้ายแม้เหลือไว้เพียงความทรงจำ

เพราะความรักของคนที่เลี้ยงมาดูแลเหมือนกับลูก คนที่ไม่เคยเลี้ยงหรือไม่เคยได้ใกล้ก็คงจะไม่เข้าใจพวกเขา เพราะหนึ่งชีวิตที่เลี้ยงดูแลมาเหมือนกับคนในครอบครัวก็รักไม่เคยเบา วันหนึ่งจำต้องจากเขาไม่มีหวนกลับตลอดการ เลยต ั้งใจขอทำให้ลูกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากหายแม้ไม่มีวันได้กลับหรือหวนคืน เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า จรัญ ฮอฟ์พ ได้โพสต์เรื่องราวของน้องมิ้ว อิสเบสล่า หลังเขาได้เสียน้องแมวที่ตัวเองรักมากที่สุดไปแม้รักมากเหมือนกับคนในครอบครัวเพราะเคยอยู่ร่วมใช้ทุกช ่วงของชีวิตร่วมกันมากว่า 10 กว่าปีมาวันนี้ลูกรักของเขาได้จากไปแล้วอย่างสงบ ซึ่งเขาก็ใจหายมากๆเพราะเคยอยู่ร่วมกันมาตลอดพอกลับบ้านก็ยังเห็นตลอดมาวันนี้กลับไปแล้วจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว เขาเลยต ั้งใจทำให้ลูกด้วยการจ ัดงานให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะต้องใจสลายเพราะต้องนำน้องไปฝ ั่งและจะไม่ได้กลับหรือเห็นหน้ากันอีกแล้ว แม้ใครจะมองว่าน้องเป็นแค่น้องแมวแต่เขาก็รักน้องมากๆเหมือนกับลูกของตัวเองคนหนึ่งเลย ซึ่งเรื่องราวนี้เขาได้นำมาโพสต์ลงในกลุ่มชมรมคนรักแมวเหมียว และเมื่อคนที่เลี้ยงแมวได้เข้ามาเห็นก็ทำให้สะอึกไปเหมือนกันหมด เพราะเป็นช ่วงเวลาที่แสนจะเศร้าใจ คนเลี้ยงแมวเองเลยจะเข้าใจว่าการส ั่งเสียหรือการจากลาครั้งสุดท้ายมันช ่างเป็นช่วงเวลาที่แสนจะเจ็บปวด...

ถูกทิ้งซ้ำซ้อนร้องจนเสียงแหบเสียงแห้ง ได้แต่แอบอยู่ใต้ท้องรถทั้งร้อนทั้งว้าเหว่เพราะใครๆเขาก็ไม่ต้องการ

เพราะชีวิตนั้นเลือกเกิดไม่ได้ ทำให้หลายๆคนนั้นต้องเกิดมาดิ้นรนต่อความยากลำบากที่ต้องเจอในชีวิต และก็ไม่ใช่เพียงแค่มนุษย์อย่างเราๆเพียงเท่านั้น แม้แต่สัตว์ตัวน้อยๆอย่างเจ้าเหมียวเองก็ไม่ต่างกัน ยิ่งแล้วเกิดมาไร้บ้านหรือไม่เป็นที่ต้องการของใครๆเขา เช่นเดียวกับเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Pinta SP ที่ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวรายนี้ ลงในกลุ่มคนอวดแมว หลังจากที่ได้พบน้องถูกเอามาปล่อยที่หน้าโรงเรียน และร้านโจ๊กที่หน้าโรงเรียนก็รับไปเลี้ยงภายในวันเดียวกันนั้น แต่ก็กลับเอามาปล่อยไว้ที่เดิม คุณครูที่โรงเรียนเห็นเข้าจึงได้จับน้องขังเอาไว้กะว่าจะเอาไปให้หลวงตาช่วยเหลือ แต่ก็มีคนเอาไปอาบน้ำให้ข้าวกินร้านโจ็กมาดูรอบ 2 เอาไปเลี้ยงแต่ก็เอาไปปล่อยที่เดิมอีก หนูร้องจนเสียงแหบเสียงแห้งอยู่ใต้ท้องรถคุณลุงคนนี้ ทั้งร้อนและหวาดกลัว จนกระทั่งคุณลุงออกรถไปตลาด 30 กิโลเมตร หนูทั้งเหนื่อยและกลัวจนตัวสั่น เพราะ 5 วัน 5...

นั่งหน้าเหวี่ยงมาขอแบ่งปัน รีบวิ่งมาหาขอนมจากน้องทุกครั้งเพราะตอนเด็กไม่มีนมจากแม่ให้ดื่มกิน

เพราะการเลี้ยงแมวนั้นก็เหมือนกับการที่เรานั้นรับเด็กตัวเล็กๆมาเลี้ยง ซึ่งพวกเขานั้นมีสมองและการเรียนรู้เพียงแค่เด็ก 2 ขวบเพียงเท่านั้นอีกทั้งถ้าหากเราเลี้ยงพวกเขาด้วยความประคบประหงมด้วยแล้วพวกเขาก็จะคิดว่าเรานั้นคือแม่หรือไม่ต่างอะไรไปจากลูกน้อยของเราเองเลย เช่นเดียวกับเรื่องราวนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Alicia Marae ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียวตัวแสบสุดที่รักของเขาลงในกลุ่มทาสแมว หลังจากที่ทุกครั้งที่แม่กำลังปั้มนมให้น้อง นางก็จะมาตามนั่งคอยขอกินในทุกๆครั้ง ซึ่งสีหน้าและแววตานั้นช่างเหวี่ยงแบบเบอร์สุด ราวกับว่ากำลังรอและเหมือนกับออกคำสั่งว่าถ้าแม่ให้น้องกินหนูก็ต้องได้กินด้วย แถมยังมีบางครั้งก็แอบไปเลียคราบนมที่หก หรือแม้แต่เมื่อนางหลับอยู่แต่ได้กลิ่นนมนางก็จะวิ่งจู๊ดมาขอกินในทันที ซึ่งเหมือนกับว่านางนั้นขาดความอบอุ่นเพราะตอนเด็กนางคงขาดนมแม่ เพราะผู้เป็นเจ้าของรายนี้ได้รับน้องมาตั้งแต่ยังเล็กและไม่หย่านมและให้กินแต่นมแพะมาตลอด วันนี้แม่มีน้องก็คิดจะคิดว่าตัวเองเป็นพี่เลยวิ่งมาขอกินนมแม่บ้าง ซึ่งทั้งนี้ยังมีเพื่อนๆในกลุ่มมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วยว่าการเอาน้ำนมของคนให้กับแมวกินนั้นถือเป็นสิ่งอันตราย เพราะไขมันบางตัวของน้ำนมคนเรานั้นต่างจากนมแพะที่แมวนั้นไม่สามารถย่อยไขมันตัวนั้นๆได้ ถึงอย่างไรก็ตามก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงการให้นมวัวและน้ำนมจากคนแก่แมวซึ่งทั้งนี้คุณแม่ก็คงจะต้องทนโดนเหวี่ยงไปก่อนละนะ แต่ก็ถือว่าน้องน่ารักมากๆคงจะคิดว่าตัวเองเป็นลูกคนนึง ขอขอบคุณข้อมูลจาก Alicia Marae

สาวคิดหนัก มีความคิดในใจไม่อยากเลี้ยงแมวแล้ว กับความคิดเพียงชั่ววูบที่เข้ามาในหัว

โดยผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : เดียร์ ธิดาลักษณ์ ได้เผยเรื่องราวลงในกลุ่มทาสแมวอันมีใจความระบุว่า ขอระบายความรู้สึกที่แบบว่าเป็นวูบๆนะคะ ขอให้พี่ๆทุกคนช่วยหรือแนะนำเราด้วยนะคะ คือเรื่องของเรื่องคือว่ามันจะมีความรู้สึกแบบว่าไม่อยากเลี้ยงเขาแล้ว . แต่ทิ้งเขาไม่ได้ไมคะ ที่เราไม่อยากเลี้ยงเขาแล้วตอนนี้ท้อมากเพราะว่าขนเขาร่วงเยอะมากๆเลยค่ะ ติดตามพื้นตามที่นอนตามเสื้อผ้าต่างๆเหตุผลที่ท้อค่ะในใจวูบนึ่งคิดอยากหาบ้านให้เขา แต่เราก็ทำไม่ได้เพราะเราก็ยังรักเขาอยู่ เราทำทุกอย่างเพื่อให้เขาขนร่วงน้อยลงแต่ทำทุกอย่างเลยค่ะ แต่มันก็ไม่ดีขึ้นเลย เครื่องดูดฝุ่นเอยลูกกลิ้งเอย อะไรต่างๆสรรหามาหมดค่ะ จนเรานอยมากๆ จนคิดว่าอยากตัดขนให้เขาเลยค่ะ เพื่อลดการร่วงแต่เขาเป็นแมวที่รักขนเราเลยไม่รู้จะต้องทำยังไงกับน้องดี จนเรื่องราวของน้องได้โพสต์ลงในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นและเข้ามาให้คำแนะนำกับตัวเธอว่า นี่แหละคืออาการของคนรักแมวจริง เป็นหวงน้องทั้งเรื่องขนร่วงทำทุกอย่างให้น้องไม่ขนร่วงอีก เพราะน้องแมวเองรักขนของตัวเองมาก บ้างก็บอกว่าหวีขนให้น้องมันพอจะช่วยน้องได้นะ ที่มา เดียร์ ธิดาลักษณ์