หนุ่มรู้สึกถูกชาตะกับแมวจรที่ได้พบเจอกันเป็นครั้งแรก ตัดสินใจอุ้มกลับบ้านจะเลี้ยงดูให้อย่างดี
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Teetawat Konta ได้เผยเรื่องราวสุดน่ารักของเจ้าแมวจรตัวน้อยตัวหนึ่ง น้องเป็นแมวจรที่หลงเข้ามาขอนอนอาศัยอยู่ในศูนย์ฮอนด้า และด้วยโชคชะตาที่รู้สึกถูกใจตั้งแต่แรกเห็น หนุ่มใจดีท่านนี้ตัดสินใจรับน้องกลับไปเลี้ยงที่บ้านในทันที
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้ระบุข้อความเอาไว้ว่า แมวจรศูนย์ฮอนด้า ป้าแม่บ้านบอกหลงมาอยู่หลายเดือนแล้ว
วันนี้พี่คนนี้เอารถมาเช็คช่วงรอรถ แล้วน้องแมวจรก็มานอน มาเล่นกับพี่เขา พอพี่เขาทำรถเสร็จ วางแมวแล้วเดินไป แล้วเดินกลับมา บอกกับป้าแม่บ้านว่า ...
เดี๋ยวผมเอาไปเลี้ยงเองครับ จรมานาน เจอคนถูกฉะตา วันนี้ได้บ้านแล้ว อีก1ชีวิต ที่กำลังจะมีชีวิตที่ดีขึ้น จนเรื่องราวของน้องถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ จนชาวเน็ตหลายท่านได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันว่า นี่แหละคือโชคชะตาทำให้ทั้งคู่ได้มาเจอกัน
บ้างก็บอกว่า โอ้ยยย...ดีใจด้วยนะลูกเป็นแมวจรมาตั้งเดือนกว่า แต่พอได้พบเจอคนที่รักน้องจริงน้องก็ได้บ้านในทันที ต่อไปนี้หนูก็จะมีแต่ความสุข เลิกกลายเป็นแมวจรแล้ว ต้องขอบคุณพี่ใจดีท่านนี้จริงๆ ถ้าพี่เขาไม่เอารถมาเช็คที่ศูนย์ทั้งคู่ก็จะไม่ได้เจอกัน ถ้าไม่ได้เจอกันน้องก็จะกลายเป็นแมวจรไม่รู้จบ ดีใจด้วยน้าาาาา
ขอขอบคุณ : Teetawat Konta
หนูน้อยผจญโลกกว้าง หลังถูกแม่คาบมาแอบในรถส้วมจากกระบี่วิ่งข้ามจังหวัดตะลุยเมืองกรุง
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Ploypapat Wong ได้เผยเรื่องราวของน้องแครกเกอร์ น้องแครกเกอร์เป็นลูกแมวจรที่อาศัยอยู่ในจังหวัดกระบี่ แต่แม่ของน้องแครกเกอร์ดันเอาลูกมาแอบมาซ่อนไว้ที่รถส้วม ทางด้านของรถส้วมเองก็ไม่รู้ว่ามีแมวติดเข้ามาในรถด้วย น้องแครกเกอร์จึงต้องออกเดินทางข้ามจังหวัดเข้าเมืองกรุงด้วยตัวคนเดียวแม้จะอายุเพียง 1 เดือนก็ตาม
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้ระบุข้อความเอาไว้ว่า สวัสดีค่ะ หนูชื่อแครกเกอร์ อายุ 1 เดือนค่ะ หนูมีประวัติที่น่าสงสารมากค่ะ
หนูมาไกลจากกระบี่ แม่หนูเอาหนูมาแอบไว้บนรถส้วม สาธารณะ แล้วรถก็มาถึงกรุงเทพฯ โดยที่หนูมาคนเดียว
หนูเลยมาอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง แต่บ้านหลังนั้นก็มีรุ่นพี่อยู่ แล้วรุ่นพี่ก็ไม่ชอบหนู หนูเลยต้องย้ายบ้าน จนหนูได้มาอยู่กับแม่พี่ๆคิดว่าหนูเป็นพันธุ์อะไรคะ แต่ถึงหนูจะเป็นพันธุ์อะไรพ่อกับแม่ก็รักหนูค่ะ ตอนนี้พ่อกับแม่เป็นทาสหนูเรียบร้อยค่ะ
ด้วยความน่ารักน่าเอ็นดู ตัวของน้องก็ยังเล็กนิดเดียวจนผู้คนในกลุ่มทาสแมวต่างหลงรัก โชคยังดีนะที่หนูน้อยแอบอยู่ในรถวิ่งข้ามจังหวัดเข้ากรุงเทพได้อย่างปลอดภัย ไม่ตกลงไปยังท้องถนนซะก่อน ชีวิตต่อจากนี้หนูก็จะมีแต่ความสุขไม่ต้องเป็นแมวจรอีกต่อไปแล้ว แต่สิ่งที่น่าเศร้าก็คือหนูจะไม่มีวันได้พบเจอกับแม่ที่จังหวัดกระบี่อีกแล้ว เห้อ......
ขอขอบคุณ : Ploypapat Wong
หนุ่มออกจากบ้านแต่เช้าตรู่หวังเข้าไปเที่ยวห้าง แต่กลับต้องหันรถกลับเพราะเจอเจ้าเหมียวสามตัว
เพื่อนๆหลายคนที่ต้องทำงานประจำคงจะเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้ดี เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วพนักงานบริษัทหรือพนักงานประจำก็จะต้องมีวันหยุดในแต่ละสัปดาห์ซึ่งวันหยุดของพนักงานประจำนั้นก็มีน้อยซะเหลือเกินซึ่งเพื่อนๆส่วนใหญ่ก็มักจะใช้เวลาในวันหยุดอย่างคุ้มค่าและมีแผนวางไว้อยู่แล้วเสมอ
เช่นเดียวกับหนุ่มรายนี้หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Sit Sittichaiya ได้โพสต์เล่าเรื่องราวประสบการณ์วันหยุดของเขานั้นต้องหมดไปเพราะเจอเจ้าสามตัวนี้ หลังพบเจอพวกเขาถูกนำมาปล่อยทิ้งเอาไว้โดยอยู่ตรง 3 แยกพอดิบพอดีซึ่งผู้ที่นำทางมาเจอเจ้าตัวน้อยๆก็ไม่ใช่ใครอื่นนั่นก็คือ Google Maps นั่นเอง
โดย Google Maps นั้นได้นำทางเขานั้นหลงเข้าไปในป่าจนไปเจอเจ้าเหมียวทั้ง 3 ตัวนี้ซึ่งพิกัดที่เขาได้ตั้งเอาไว้ในตอนแรกก็คือห้างสรรพสินค้าแต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม Google maps นั้นถึงได้นำพาเขาเข้าไปในป่าลึกขนาดนี้ ซึ่งผู้โพสตนั้นได้นำเรื่องราวมาลงในกลุ่มอย่างชมรมแมวสายดาร์ก
และเขาก็ได้เล่าอีกด้วยว่า ในตอนที่เขานั้นได้เจอกับเจ้าเหมียวทั้งสามตัวในตอนแรกเจ้าเหมียวทั้งสามก็ได้ทักทายเขาด้วยเสียงอะไรไม่รู้คล้ายๆงูเห่าเสียงดังฟ้อๆๆเลย ซึ่งตอนแรกเขาก็คิดว่างูจริงแต่ที่ไหนได้เป็นแมวน้อยทั้งสามนั้นเอง ซึ่งวันหยุดของเขาก็เลยต้องหมดไปเพราะเจ้าเหมียวทั้งสามตัวนี้
แต่ก็ยังดีที่ช่วยพวกน้องๆนั้นออกมาได้เพราะในบริเวณดังกล่าวนั้นค่อนข้างจะเป็นป่าและไร้บ้านคนถ้าปล่อยเอาไว้คงไม่พ้นจะเป็นอาหารให้แก่สัตว์อื่นๆแน่ๆ ยังไงก็ยังได้ช่วยชีวิตเจ้าตัวน้อยๆห้างเอาไว้ไปเมื่อไหร่ก็ไปได้เนอะ ซึ่งจากโพสต์ดังกล่าวก็ได้มีผู้คนเข้ามาชื่นชมความมีน้ำใจและน่ารักของเจ้าเหมียวตัวน้อยทั้งสามตัวอีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Sit Sittichaiya
ชาวเน็ตสุดฮาพาชมคู่หูสุดป่วนพี่เจ๋ง-น้องเตี๋ยว แมวที่ทาสตั้งใจให้เป็นแฟนกันแต่อยู่ใกล้กันเป็นมีเรื่องทุกที
พาทำความรู้จักพี่น้องคู่หูสุดฮาที่เข้าใกล้กันเป็นต้องมีเรื่องมีราวได้ทุกที ซึ่งทั้งคู่นั้นมีชื่อว่า "พี่เจ๋ง-น้องเตี๋ยว" แมวพี่กับน้องที่มาที่หลัง ที่ทาสอย่างเจ้าขชองนั้นตั้งใจให้มาเป็นแฟนกัน แต่ผลกลับกลายเป็นตรงข้ามไปซะได้เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เข้าใกล้เป็นต้องมีมวยจนจับแยกไม่ทัน
ทำเอาชาวเน็ตนั้นกลั้นขำไม่ไหวเมื่อได้เห็นภาพเหล่านี้ลงในเฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า พี่เจ๋งน้องเตี๋ยวไม่ตีกันสิลูกกก หลังจากที่ทาสผู้เป็นเจ้าของนั้นได้เล่าเรื่องราวของเจ้าเหมียว ก๊วยเจ๋ง และน้องก๋วยเตี๋ยว ที่ได้รับมาเลี้ยงในภายหลังที่ใกล้กันไม่ได้เลย โดยทาสนั้นได้เล่าผ่านเฟสบุ๊คว่าตั้งใจซื้อน้องมา
สองตัวเพื่อที่จะให้เป็นแฟนกัน แต่ทว่าหลังจากที่ซื้อตัวน้องมานั้นก็ผิดคาดไปเพราะไม่รู้เป็นอะไรตีกันบ่อยมาก เดินผ่านก็ตีกันอยู่ดีๆนั่งเฉยๆก็แวะไปตีกัน โดยที่พี่ก๊วยเจ๋งจะเป็นฝ่ายเปิดก่อนเสมอแต่ก็โดนสวนกลับอยู่ทุกรอบเช่นเดียวกัน ส่วนเจ้าก๋วยเตี๋ยวตัวน้องนั้นจะเป็นมือตบที่ไม่เคยออมมือเลยก็ว่าได้
ทั้งนี้ทาสนั้นก็ถึงกับต้องถอนหายใจวันละหลายๆรอบเพราะไม่รู้ว่าจะหาวิธีไหนมาทำให้ทั้งคู่นั้นเลิกตีกัน ซึ่งพี่อย่างเจ้าก๊วยเจ๋ง นั้นเป้นแมวเพศเมียพันธุ์ Scottish Fold หรือแมวหูพับนิสัยนั้นค่อนข้างจะมีโลกส่วนตัวสูงนอนตาไม่หลับ ชอบทำหน้าทำตาตลกๆ ชอบไปแหย่เจ้าก๋วยเตี๋ยวก่อนเสมอแล้วก็โดนตบ
แถมยังชอบทำหน้าตาอิจฉา นั่งเหงาๆเกาะที่ราวระเบียงชอบมองวิวนอกหน้าต่างรถเพื่อที่จะได้ไม่เห็นหน้าเจ้าก๊วยเตี๋ยวเพราะเหม็นขี้หน้า และยังเป็นเจ้าของฉายาอีกด้วยว่า "เปิดก่อนได้ปูด" ส่วนมาถึงตัวน้องเจ้า ก๋วยเตี๋ยว นั้นเป็นแมวเพศผู้พันธุ์ Scottish Fold หูตั้งมีนิสัยขึ้อ้อนชอบนอนใกล้ๆคน รับสงบ
แต่ถ้าเจอเจ้าก๊วยเจ๋งมาแหย่ ก็จะฟิวส์ขาดตบก๊วยเจ๋งเก่งเป็นที่หนึ่งในสามโลกเรียกได้ว่าเป็นมือตบอันดับหนึ่งของบ้า่นเลยก็ว่าได้เพราะในบ้านมีแมวแค่สองตัวแถวตัวที่ถูกตบก็คือเจ้าก๊วยเจ๋ง ซึ่งนอกจากนี้ทางทาสผู้เป็นเจ้าของเห็นว่าตีกันไม่เลิกจึงทำเพจพร้อมกับลงเรื่องราวและวีรกรรมในแต่ละวันที่ทาสต้องเจอเอาไว้ในเพจซึ่งหากเพื่อนๆทาสแมวคนไหนสนใจอยากอ่านเพิ่มก็สามารถเข้าไปอ่านได้ในที่อยู่ข้างล่างได้เลยจ้า
ขอขอบคุณข้อมูลจาก thairath และ พี่เจ๋งน้องเตี๋ยวไม่ตีกันสิลูกกก
https://www.facebook.com/jengtieow/posts/101253194642802
ค่ำไหนนอนนั่น จีจี้หมาน้อยรถบรรทุกคอยอยู่เคียงข้างกับเจ้าของถึงรถจะแคบแต่ก็มีความสุขที่อยู่ด้วยกัน
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : จั๊ม ซีอา'กะล่อน ได้เผยเรื่องราวสุดน่ารักของสุนัขที่เขานั้นได้เลี้ยงมันเอาไว้ โดยเจ้าตูบน้อยมีชื่อว่าจีจี้ จีจี้เป็นสาวรถบรรทุก จะออกไปทำงานส่งของอยู่กับพ่อทั้งวันทั้งคืน ค่ำไหนนอนนั่นถึงรถจะคับแคบแต่ทางเจ้าของก็มีความสุขที่มีจีจี้อยู่เคียงข้าง
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้ระบุข้อความเอาไว้ว่า 1เดือนแล้วครับ สำหรับการที่พาน้องจีจี้มารถบรรทุกด้วยแบบเต็มตัว ค่ำไหนนอนนั่น เคยแต่มาแค่วันครึ่งวัน ถามว่าเหนื่อยไหม ตอบเลยเหนื่อยมากครับ คืนนึงต้องตื่นสามถึงสี่รอบ เพราะส่งนางฉี่ แต่เพราะรักนางก็เลยต้องทนครับ
หนุ่มผู้โพสต์ยังบอกอีกว่า ถึงจะรถจะคับแคบแต่ก็มีความสุขที่มีจีจี้คอยอยู่เคียงข้าง โดยเขานั้นได้กล่าวว่า ทนหน่อยนะลูกสาวพ่อ เหนื่อยหน่อยนะ พ่อไม่มีที่ให้หนูวิ่งเล่นต้องอยู่แต่ในรถแคบๆ ถึงผมไม่มีลูกแต่ก็ภูมิใจครับที่รักเขาเหมือนกับลูก
และที่บ้านของหนุ่มผู้โพสต์เองก็มีน้องหมามากกว่า 10 ตัว ถ้าจะเอามาให้ครบทุกตัวมันคงเป็นไปไม่ได้ จะมีก็เพียงสาวน้อยอย่างจีจี้ที่คอยอยู่เคียงข้าง เห็นแล้วมันอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูกเลยจริงๆ
ขอขอบคุณ : จั๊ม ซีอา'กะล่อน
ถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง เห็นคนผ่านมาก็ส่งเสียงร้องไม่หยุดเหมือนร้องขอใครก็ได้ช่วยชีวิตหนูที
เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Kanokpon Onjunprasert ได้เผยเรื่องราวหลังเธอนั้นได้นำอาหารไปให้กับสุนัขจรจัดเหมือนกับทุกวันที่เธอทำอยู่ทุกวันอยู่แล้ว แต่ในระหว่างที่กำลังให้ข้าวน้องหมาอยู่เธอก็พบเจอกับลูกแมวน้อยตัวหนึ่งกำลังส่งเสียงร้องเหมือนกำลังขอความช่วยเหลือ
.
โดยเจ้าของโพสต์ได้ระบุข้อความเอาไว้ว่า วันนี้เราไปให้ข้าวหมาจรเจอลูกแมวถูกคนเอามาปล่อยทิ้งในซอยไม่มีบ้านคน มองเห็นนั่งมองซ้ายขวาอยู่ริมถนนคงไม่รู้จะไปทางไหนมีแต่ป่าหญ้า รีบจอดรถเหมี่ยวๆๆๆ เราลองเรียกดู น้องคงดีใจมากความรู้สึกเหมือนว่าหนูรอดแล้วววว
น้องร้องเสียงดังเลยรีบเดินเข้ามาหาขี้อ้อนมาก เราก็เลยพูดบอกว่าไป ๆ ที่นี่ไม่ปลอดภัย จับน้องใส่ถุงผ้าดำไปเราไปอยู่ด้วยกันกับแม่ออยนะลูก ( น้องเป็นผู้ชายกำลังคิดชื่อน้องอยู่จ้า ) จนน้องนั้นได้บ้านในที่สุด
น้องขี้อ้อนมาก และโชคดีสุดๆที่เจอกับคนที่รักน้องจริงๆ เห็นแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้เลย
และนี่คือถุงวิเศษที่สาวใจดีอุ้มน้องใส่กระเป๋าเอาไว้ กระเป๋าใบนี้เป็นกระเป๋าวิเศษที่ช่วยเหลือทั้งหมาทั้งแมวจร ถ้าใครได้อยู่ในกระเป๋าใบนี้ ชีวิตต่อจากนี้จะมีกินมีที่นอนอุ่นๆ จะได้ไม่ต้องเดินเร่ร่อนอยู่ข้างถนนอีกต่อไป
ขอขอบคุณ : Kanokpon Onjunprasert