เมื่อไม่นานมานี้ผู้ใช้เฟสบุ๊กคุณ : Patcha Charoenpong ได้เผยเรื่องราวของลูกชายตัวน้อยกับเจ้าเหมียวตัวแรกที่น้องนั้นได้เลี้ยงเอาไว้ โดยลูกชายของเธอในตอนนั้นวัยเพียง 2 ขวบมีความสนใจอยากเลี้ยงสัตว์ต่างนาๆ และนี่เองคือเรื่องราวสุดประทับใจที่อยากให้ทุกๆคนได้อ่านกัน

.

โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า แมวตัวแรกของฮาเปอร์ โพสนี้จะเล่าขยายความถึงเหตุผลที่ทำไมฮาเปอร์ ถึงมีจิตใจอ่อนโยน และรักแมวของเค้ามากๆนะคะ กว่าฮาเปอร์จะได้แมวตัวแรกมานั้นมันไม่ได้มาง่ายๆเลย ฮาเปอร์มีความสนใจสัตว์ต่างๆมากๆ ตั้งแต่น้องอายุแค่ 2 ขวบครึ่ง แม่ให้เริ่มจากการเลี้ยงปลาก่อน

ฮาเปอร์มีน่าที่ให้อาหารและพูดกับปลาวันละ 5นาที ฮาเปอร์ทำแบบนั้นทุกวันเป็นเวลากว่า 1 ปี จนอายุ 3 ขวบครึ่ง แม่ให้เล่นกับแมวของคนข้างบ้านได้ ส่วนแม่กับพ่อเริ่มปรึกษากันแล้วว่า ลูกน่าจะพร้อมที่จะมีแมวสักตัวแล้ว เราเลือกรับแมวจาก Shelter หรือสถานสงเคราะห์สัตว์

เพราะเราไม่อยากไปซื้อแมวใหม่มา เพื่อเป็นการเพิ่มประชากรแมวโดยใช่เหตุค่ะ แล้วเราคิดว่าไม่มีใครบนโลกนี้สมควรถูกเท นี่เป็นเหตุผลหลักๆเลย ที่เราเลือกแมวจากสถานสงเคราะห์แห่งนี้ หรือที่เราเรียกกันเองในครอบครัวว่าแมวมือสอง พอตัดสินใจว่าจะเลี้ยงแมว คุณพ่อก็พาฮาเปอร์ไปที่เชลเตอร์ทุกวี่ทุกวัน

ครั้งแรกที่ไป คือ 27 ธันวาคม 2019 มีลูกแมว 4 ตัว อายุ 10 สัปดาห์ รอรับไปเลี้ยง พ่อพาฮาเปอร์ไปแวะดูแมว และเล่นกับแมวสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งหลังเลิกเรียน จนเวลาผ่านไปจาก 4 ตัว เหลือ 3 ตัว ทั้งที่เราจะเลือกสี เลือกเพศก่อนใครเลยก็ได้ แต่เพราะอย่างที่บอกแหละเราคิดมาแล้วว่า ไม่มีใครสมควรถูกเทเราเลยรอ รอจนถึงตัวสุดท้ายที่ไม่มีใครเลือก

วันที่ 26 มกราคม 2020 เป็นวันชาติของออสเตรเลีย เช้าวันนี้จะเป็นวันที่เราจะไปรับแมวมาอยู่กับเราค่ะ คุณพ่อไปทำงานช่วงเช้า แม่กับฮาเปอร์จัดบ้านจัดที่นอนถาดทราย ชามอาหาร เตรียมเอกสารสำหรับยื่นอุปการะแมว จนบ่าย3โมง แด๊ดดี้ก็เลิกงานแล้วเราจึงไปรับพร้อมกันพอไปถึง

ทำเอกสารต่างๆนาๆ และจ่ายค่าอุปการะจำนวน 300 ดอลล่า (เป็นค่าวัคซิน ไมโครชิพ และ ค่าทำหมัน) และ $199 เป็นค่าประกันอุบัติเหตุเขาเอาใส่กล่องลังปิดฝาส่งให้เรา เราไม่เปิด จนกว่าจะถึงบ้านค่ะ เพราะกฏก็คือเมื่อเปิดกล่องออกมาแล้ว แมวเดินไปหาใครก่อน คนนั้นจะได้เป็นคนตั้งชื่อแมวค่ะ

เมื่อถึงบ้านเราสามคนนั่งล้อมวงกันและมีกล่องอยู่ตรงกลาง แด๊ดดี้เปิดกล่องออก มีหูแหลมๆ 2 หู ค่อยๆ โผล่หน้าออกมามองไปรอบ แล้วไต่ออกมาจากกล่อง เดินมุ่งตรงไปที่ฮาเปอร์ค่ะ (ก็แหงล่ะ ไปเล่นกันมาเป็นเดือนๆแหละเนอะ ก็ต้องจำกลิ่นจำหน้ากันได้บ้างล่ะ) สีหน้าของฮาเปอร์ตอนนั้นคือดีใจมากกกก ที่เค้าจะได้ตั้งชื่อ

พอแมวเดินไปถึงฮาเปอร์ ลูกก็พูดว่า ชื่อของแกคือ ฮาววี่แกชอบมั้ย มันดีที่สุดเท่าที่ฉันคิดได้เลยนะ เราแบ่งหน้าที่กัน แด๊ดดี้มีหน้าที่ตักอึ แม่จัดการเรืองอาหารแมว อาบน้ำ และของใช้ ทำความสะอาดที่นอนแมว ส่วนฮาเปอร์เนื่องจากต้องให้อาหารปลาอยู่แล้ว ก็เลยเพิ่มให้อาหารแมวไปด้วยเลย แล้วต้องล้างถ้วยอาหารแมวทุกวันๆ คอยเติมน้ำให้แมว เราบอกลูกว่า

เราคงต้องทำแบบนี้ไปอีก 15-20 ปี คิดว่าทำได้มั้ย แม่ว่าแม่ทำได้นะ พ่อก็ว่าพอทำได้ ฮาเปอร์จึงมีความมั่นใจมากว่าเค้าก็ต้องทำได้เหมือนกัน ทุกการตัดสินใจลูกจะได้ฟังและรับรู้เหตุผลโดยตลอด ตั้งแต่การไปซื้ออุปกรณ์ เลือกอาหาร และทรายแมว เราทำงานเป็นทีมมาโดยตลอดเลยค่ะ นี่คงเป็นเหตุผลที่ฮาเปอร์รักและผูกพันกับแมวของเค้ามากถึงมากที่สุด เพราะเค้าอยู่ในทุกช่วงเวลาของการรับผิดชอบอีก 1 ชีวิต ที่เข้ามาเป็นสมาชิกครอบครัว

ที่มา Patcha Charoenpong